“ศิลปินไส้แห้ง” ใครหลายๆ คนอาจเคยได้ยินคำนี้มาตั้งแต่เด็ก ผู้เขียนเองก็ได้ยินคำนี้มาตั้งแต่สมัยช่วงวัยเด็กเหมือนกัน เคยสงสัยไหมว่า ทำไมสังคมไทยถึงมีการพูดแบบนี้มาอย่างยาวนาน บางครั้งมันทำให้เด็กบางคนไม่กล้าที่จะทำตามความฝันของตัวเอง เพราะกลัวว่าจะกลายเป็น “ศิลปินไส้แห้ง” เหมือนที่ใครๆ เขาบอกกันมา
การเป็นศิลปินในประเทศนี้เป็นเรื่องยาก จริงหรือ? ถ้าตอบว่าไม่จริงก็คงไม่ได้ เพราะก็มีศิลปินหลายๆ คนเหมือนกันที่กำลังพยายามพาตัวเองไปอยู่ในจุดที่ประสบความสำเร็จจากสิ่งที่ทำอยู่ แต่ก็ไปไม่ถึงจุดนั้นเพราะด้วยปัจจัยหลายๆ อย่าง แต่ถ้าตอบว่าจริงก็คงไม่ได้อีกเช่นกันเพราะก็มีศิลปินหลายๆ คนที่ประสบความสำเร็จเช่นเดียวกัน แต่กว่าพวกเขาจะประสบความสำเร็จนั้น อาจต้องแลกด้วยอะไรหลายๆ อย่างทั้งเวลาเกือบทั้งชีวิต รวมทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ต้องพยายามสร้างสรรค์ผลงานออกมาให้คนภายนอกเห็น เพื่อที่จะได้ประสบความสำเร็จในสิ่งที่ตนเองเลือกทำ ทั้งหมดที่กล่าวมาพวกเขาเหล่านั้นพยายามทำมันเพราะรักในสิ่งนั้น บางคนอาจจะมีคนรอบตัวคอยสนับสนุน แต่บางคนก็พยายามด้วยตัวเองผู้เขียนพยายามเน้นคำว่าพวกเขาประสบความสำเร็จด้วย “ตัวเอง” เพราะศิลปินอิสระเหล่านี้อาจไม่ได้มีสวัสดิการอะไรมารองรับพวกเขาเลย เพราะเป็นอาชีพอิสระ ทุกงานที่ทำขึ้นมา อุปกรณ์วาดรูปต่างๆ ที่มีต้นทุนค่อนข้างสูง ทุกอย่างล้วนมาจากการหาเงินมาสนับสนุนตนเอง เพื่อให้ได้มีงานออกมาสู่สายตาสังคม ถ้าบอกว่ารัฐไม่ช่วยอะไรก็อาจจะพูดไม่ได้ทั้งหมด เพราะก็มีสวัสดิการประกันสังคมสำหรับอาชีพอิสระอยู่เหมือนกัน เช่น ม.40 แต่ถามว่าในยุคเศรษฐกิจแบบนี้ กับผลตอบแทนที่ได้จากประกันสังคมนี้คุ้มค่าหรือไม่ เพียงพอหรือเปล่า บอกได้เลยว่าไม่พอต่อการดำรงชีวิตแน่นอน
นอกจากจะต้องมี Passion กับสิ่งที่ทำแล้ว ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า “เงิน” ก็เป็นปัจจัยสำคัญของอาชีพนักสร้างสรรค์เหมือนกัน เพราะสิ่งที่พวกเรากำลังทำอยู่นั้นล้วนมีค่าใช้จ่ายทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าที่พัก หรือค่าอาหารในการดำรงชีวิตในแต่ละวัน มันทำให้เราไม่สามารถทำงานอาชีพนี้เพียงอย่างเดียวได้ จากแวดวงคนรอบตัวของผู้เขียนที่เป็นนักวาดภาพประกอบด้วยกัน ล้วนมีอาชีพหลักเป็นพนักงานออฟฟิศ เกือบทั้งหมด สิ่งที่ชอบกลายมาเป็นงานอดิเรกแทน แต่ผู้เขียนเองค่อนข้างโชคดีที่ได้ทำทั้งสองอย่างควบคู่ไปด้วยกัน แต่ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะโชคดีแบบนี้เสมอไป ผู้เขียนเองคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก ที่จะเป็นศิลปินแล้วสามารถอยู่ได้ด้วยอาชีพนี้เป็นหลัก
ศิลปะแสดงออกถึงความเหลื่อมล้ำอย่างไรที่สังเกตได้เลยก็คือ สถานที่จัดแสดงงานศิลปะ ส่วนใหญ่จะอยู่ในกรุงเทพฯ แต่ต่างจังหวัดแทบจะไม่มีพื้นที่ให้ศิลปินได้นำผลงานมาแสดงเลย มันทำให้เห็นว่ารัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ได้มีการจัดการหรือให้ความสำคัญเรื่องนี้ได้ดีพอ เพราะถ้ามีการสนับสนุนแรงงานสร้างสรรค์ ต่างจังหวัดจะมีพื้นที่แสดงผลงานศิลปะมากกว่านี้ แล้วศิลปินที่อยู่ต่างจังหวัดก็ไม่จำเป็นต้องแบกความฝันมาไว้ในกรุงเทพฯ เช่นเดียวกันคนรอบตัวของผู้เขียนเองก็ประสบกับปัญหานี้ล่าสุดได้มีการมาจัดแสดงงานที่หอศิลป์แห่งหนึ่ง ในกรุงเทพฯ ค่าใช้จ่ายทุกอย่างต้องออกเองทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นค่าสมัคร ค่าเวลาในการจัดแสดงงาน ค่าเดินทางมาจากต่างจังหวัด ค่าที่พักในระหว่างรองานจัดแสดง ไม่รวมค่าอาหารที่ต้องจ่ายในแต่ละมื้อ ค่าเสียเวลาในการเดินทางเพื่อเอางานมาจัดแสดง ยิ่งตอกย้ำให้เห็นว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเราเป็นคนสนับสนุนตัวเองทั้งหมด รวมถึงอุปกรณ์ในการสร้างสรรค์ผลงานด้วย
คุณ “ไนล์-เกศนคร พจนวรพงษ์” ผู้ก่อตั้ง “สหภาพแรงงานสร้างสรรค์แห่งประเทศไทย” (Creative Workers Union Thailand) ร่วมกับ คุณ “อิง-ไชยวัฒน์ วรรณโคตร” ได้ให้สัมภาษณ์กับ urban creature ว่า “คุณไนล์เองที่เป็นนักเขียนการ์ตูนรู้เลยว่าประเทศเราไม่ได้มีอะไรมาสนับสนุนอาชีพนี้อย่างจริงจัง พอช่วง COVID-19 หลายสำนักพิมพ์ก็ต้องปิดตัวไป จากการทำหนังสือการ์ตูนเล่มๆ กลายมาเป็นการ์ตูนเว็บแทน แต่ค่าตอบแทนค่อนข้างที่จะน้อยมาก เพื่อนนักเขียนของคุณไนล์หลายคนก็ไม่สามารถขอวีซ่าแล้วระบุว่าเราเป็นอาชีพนักเขียนได้ เพราะประเทศเราไม่ได้มีอะไรมารองรับอาชีพเหล่านี้เลย”
ผู้เขียนขอพาผู้อ่านไปทำความรู้จักกับหนึ่งในประเทศที่ให้การสนับสนุนศิลปิน นั้นก็คือ ประเทศฟินแลนด์ ประเทศเล็กๆ ที่อยู่ในแถบสแกนดิเนเวียที่เริ่มมีรัฐสวัสดิการมาตั้งแต่ปี 1980 แถมยังเป็นประเทศที่ประชากรมีความสุขมากเป็นอันดับ 1 ของโลกอีกด้วย(World happiness report, 2022) ปฏิเสธไม่ได้ว่าเพราะการมีรัฐสวัสดิการที่ครอบคลุม และเหมาะสมกับเศรษฐกิจก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่จะทำให้คนมีความสุขแต่การที่จะมีสิ่งเหล่านี้ได้นั้นบางครั้งเราก็ต้องมีการออกมาเรียกร้อง เพื่อสิทธิประโยชน์ของเราเอง สหภาพศิลปินแห่งฟินแลนด์จึงเป็นส่วนสำคัญในการทำให้ชาวศิลปินฟินแลนด์ได้รับสวัสดิการเหล่านี้ การให้สวัสดิการของที่ฟินแลนด์นั้น ไม่จำเป็นที่จะต้องมีชื่อเสียง คนธรรมดาก็สามารถขอทุนเพื่อไปทำงานสร้างสรรค์จากรัฐบาลได้เลย โดยทางรัฐบาลจะสนับสนุนให้ศิลปินเป็นรายเดือน
ผู้เขียนจึงมองเห็นแนวทางในการแก้ปัญหานี้โดยการนำหลักการมีส่วนร่วม มาปรับใช้เพื่อให้ศิลปินทุกคนนั้นได้ร่วมกันแสดงความคิดเห็น และมาแชร์ประสบการณ์ร่วมกันเพื่อใช้ข้อมูลเหล่านี้มาช่วยสนับสนุนให้ สหภาพแรงงานสร้างสรรค์ (Creative Workers Union Thailand : CUT) ของประเทศไทยให้เข้มแข็งและในอนาคตสามารถทำให้รัฐบาลหันมาสนับสนุนแรงงานสร้างสรรค์ได้อย่างดีเหมือนประเทศฟินแลนด์
ภาณุวัฒน์ ศรีสมร HAND Social Enterprise
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี