“ฉันถูกตำรวจไทยรีดไถ” คำพูดที่เปรียบเหมือนฟ้าผ่าลงกลางใจของประเทศไทย ที่เพิ่งเปิดรับการท่องเที่ยวเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจหลังสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 รวมไปถึงเรื่องฉาวของวงการสีกากีอย่างต่อเนื่องในเรื่องความไม่โปร่งใสที่ถูกโหมกระหน่ำมาตลอดทั้งปี โดยเพจ “หนีห่าวไต้หวัน ฉันมาแล้ว” ได้โพสต์เรื่องราวของดาราสาวชาวไต้หวัน คุณอันยู๋ชิง ที่ได้เดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยและโพสต์เกี่ยวกับประสบการณ์ที่ย่ำแย่จนเธอต้องกล่าวออกมาว่า “ฉันจะไม่กลับมาเหยียบประเทศไทยอีก” โดยเธอได้กล่าวว่า เธอถูกตำรวจที่ตั้งด่านในตอนกลางคืนเรียกจอดพร้อมทั้งรีดไถเธอและกลุ่มเพื่อนเป็นจำนวนเงิน 30,000 บาท โดยในช่วงแรกตำรวจแจ้งข้อหาเกี่ยวกับ VISA แต่ในท้ายที่สุดหลังจากทางตำรวจได้ให้สัมภาษณ์เหตุผลกับทางสื่อสังคม ว่าการเรียกปรับนี้มาจากสาเหตุการพกพาบุหรี่ไฟฟ้า เมื่อท่านอ่านมาถึงจุดนี้แล้ว หลายท่านอาจจะยังไม่ทราบว่าบทลงโทษของบุหรี่ไฟฟ้านั้นมีอะไรบ้าง
ผู้เขียนจะขอนำเสนอบทลงโทษในปัจจุบันที่เกี่ยวข้องกับบุหรี่ไฟฟ้าจากสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) โดยมีรายละเอียดดังนี้
(1.) ผู้ใดขายหรือให้บริการ มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 600,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
(2.) ผู้นำเข้าบุหรี่ไฟฟ้า มีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
(3.) ผู้ครอบครองบุหรี่ไฟฟ้า มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับเป็นเงินสี่เท่าของราคาสินค้า หรือทั้งจำทั้งปรับ
จะเห็นได้ว่าการนำเข้า จำหน่าย และถือครอง เป็นความผิดตามประกาศของกระทรวงพาณิชย์เรื่องสินค้าต้องห้ามนำเข้ามาในราชอาณาจักรและคำสั่งของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) และ พ.ร.บ. ศุลกากร โดยผู้เขียนตั้งข้อสงสัยในเรื่องการออกกฎหมายลงโทษผู้ถือครองซึ่งมีอัตราโทษการจำคุกสูงกว่าผู้จำหน่าย จึงอาจเป็นที่มาในการสร้างโอกาสให้ประชาชนทั่วไปที่หวาดกลัว หรือไม่มีความรู้ในข้อกฎหมายถูกขู่เข็ญ เอารัดเอาเปรียบ และรีดไถจากเจ้าหน้าที่ของรัฐ ดังเช่นเหตุการณ์ตัวอย่างของคุณ อันยู๋ชิง ที่ทางตำรวจได้กล่าวว่าเป็นความผิดในกรณีถือครองบุหรี่ไฟฟ้า และเป็นที่มาของการปรับเป็นจำนวนเงิน 30,000 บาท เพราะจากที่ผู้เขียนได้ทำการศึกษาราคาบุหรี่ไฟฟ้าในท้องตลาด พบว่าไม่มีราคาสินค้าชนิดไหน ที่จะถูกปรับ 4 เท่า ให้เป็นจำนวนเงินถึง 30,000 บาทได้ เพราะตามรายงานข่าวคุณอันยู๋ชิง เป็นเพียงผู้ถือครองแต่กลับมีโทษปรับสูงกว่าที่ข้อกฎหมายกำหนด
สิ่งที่น่าผิดสังเกตอีกประเด็นเกี่ยวกับความไม่โปร่งใสของการปฏิบัติหน้าที่ โดยขออ้างอิงการนำเสนอข่าวจากสำนักข่าวอมรินทร์ทีวีและพีพีทีวี จากการรายงานข่าวของช่องอมรินทร์ทีวี พบว่ามีร้านจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าอยู่ไม่ห่างจาก สน.ห้วยขวาง ซึ่งเป็นต้นเหตุของคดีคุณอันยู๋ชิง เพียง 100 เมตร หลังจากมีประเด็นร้อน รวมไปถึงภาพเจ้าหน้าที่ตำรวจสูบบุหรี่ไฟฟ้าในพื้นที่ราชการและช่องพีพีทีวีได้มีการนำเสนอข้อมูลแวดวงในจากผู้ค้าบุหรี่ไฟฟ้า โดยพาดพิงว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นเจ้าของหรือมีการรับสินบนเพื่ออนุญาตให้เปิด รวมไปถึงข้อกฎหมายที่มีการจำคุกสูงสำหรับประชาชนผู้ถือครอง นั่นอาจทำให้ประชาชนเกิดความกลัวที่จะติดคุกเป็นเวลานานจนอาจนำไปสู่การใช้กฎหมายเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับตนเองสร้างโอกาสการทำผิดวินัย ทรยศต่อความเชื่อมั่นและศรัทธาของประชาชน ก่อให้เกิดการเรียกรับสินบนและการคอร์รัปชันเป็นวงกว้าง เนื่องด้วยบุหรี่ไฟฟ้าถือเป็นสินค้าต้องห้ามนำเข้ามาในราชอาณาจักรและมีฐานการผลิตตัวเครื่องและน้ำยาส่วนใหญ่อยู่ในแถบประเทศมาเลเซีย ซึ่งมีการขนส่งมาทางเรือ แต่เหตุไฉนสินค้าเหล่านี้จึงหลุดเล็ดลอดสายตาของผู้บังคับใช้กฎหมายและระบบคัดกรองจนสามารถมีห้างร้านอยู่ติดถนนทั้งพื้นที่ชุมชนและเขตมหาวิทยาลัย อีกทั้งการค้าขายสินค้าต้องห้ามนี้
ยังคงเฟื่องฟูในโลกออนไลน์ มีร้านลวงมากมายจนแทบจำชื่อไม่ไหวผุดขึ้นมาอยู่ตลอดเวลา ผู้เขียนจึงอดที่จะสงสัยไม่ได้ว่าการแบนบุหรี่ไฟฟ้าคือทางออกที่ดีที่สุดในการปกป้องชีวิตของประชาชนและควบคุมไม่ให้สิ่งเหล่านี้ตกไปสู่มือเยาวชนได้ดีที่สุดแล้วหรือไม่
โดยผู้เขียนได้สืบค้นพบข้อมูลจาก Rocket Media Lab แหล่งข้อมูลติดตามประเด็นสังคม ทั้งเชิงปริมาณและคุณภาพรวบรวม วิจัย และผลิตข้อมูลสาธารณะ ซึ่งได้ทำการค้นคว้าข้อมูลและงานวิจัยที่เกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าและพบว่าในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมาบุหรี่ไฟฟ้าเป็นผลิตภัณฑ์ที่รัฐบาลประเทศต่างๆ ให้ความสนใจ เนื่องจากมีผู้ใช้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และถูกมองว่าสามารถใช้เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับผู้สูบบุหรี่ที่ต้องการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้สูบน้อยลง จนนำไปสู่การเลิกบุหรี่ได้ในที่สุด โดยในปัจจุบันมีประเทศที่อนุญาตให้ขายบุหรี่ไฟฟ้าได้ภายใต้กฎหมายควบคุมมีถึง 73 ประเทศและมีมาตรการควบคุมที่ชัดเจนในหลายๆ ประเทศ เช่น การกำหนดอายุขั้นต่ำของผู้ซื้อความปลอดภัย ปริมาณความเข้มข้นของนิโคติน การขออนุญาตจำหน่ายรวมไปถึงการจัดเก็บภาษี แม้ในปัจจุบันยังคงมีถกเถียงทางด้านงานวิจัยภายในประเทศและจากองค์กรของรัฐในเรื่องของสุขภาพและความอันตรายของการใช้บุหรี่ไฟฟ้าซึ่งยังคงอยู่ในชั้นกรรมาธิการพิจารณา และแม้จะมีการเปิดประเด็นจากคุณชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมของไทย จะให้สัมภาษณ์ในเรื่องการพิจารณาให้บุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมายนั้นแต่ก็ยังคงไร้วี่แววการดำเนินการใดๆ ออกมาให้เห็นเป็นรูปธรรม จนกลายเป็นบ่อเกิดช่องทางการรีดไถของเจ้าหน้าที่รัฐแก่ประชาชนผู้ไม่ทราบกฎหมายให้ถูกเอารัดเอาเปรียบ ขู่เข็ญ ดังเช่นคดีของคุณอันยู๋ชิง อยู่เรื่อยไปในสังคม
ท้ายที่สุดนี้ จากประเด็นการถูกรีดไถจนกลายเป็นข่าวหน้าหนึ่งไปทุกสำนักของตำรวจที่สั่นสะท้านไปทั่วสังคม หรือจะเป็นการกำหนดบทลงโทษที่ยังมีข้อน่าสงสัยในประเด็นโทษจำคุกสำหรับผู้ถือครองที่สูงกว่าผู้นำเข้าหรือจำหน่าย คำถามที่ไร้ซึ่งคำตอบจากเจ้าหน้าที่ว่าบุหรี่ไฟฟ้าที่เป็นสินค้าห้ามนำเข้า เหตุใดเจ้าหน้าที่จึงมีไว้ในครอบครอง และทำไมร้านขายบุหรี่ไฟฟ้าที่อยู่ห่างจาก สน.ไปเพียง 100 เมตร จึงไม่เคยมีการตรวจพบ แต่กลับค้นพบในตัวดาราสาวชาวไต้หวันที่อยู่บนรถในกลางดึกหรือจะเป็นการที่ภาครัฐยังคงเมินเฉยต่อการขยับตัวเพื่อสร้างมาตรการควบคุมอย่างเข้าใจประชาชนของนานาประเทศในเรื่องบุหรี่ไฟฟ้า หรือความหวังที่จะลดจำนวนผู้สูบบุหรี่ภายในประเทศจะเป็นเพียงช่องว่างที่ปล่อยให้บางกลุ่มหากินกับเรื่องนี้ ผู้เขียนจึงอยากฝากแนวทางการแก้ไขปัญหาเรื่องการใช้บุหรี่ไฟฟ้าและการถูกรีดจากเจ้าหน้าที่รัฐ ไว้ 2 ประเด็น ประเด็นแรกคือเรื่องของบุหรี่ไฟฟ้าโดย ขอเสนอว่า 1.ควรศึกษางานวิจัยและกรอบการดำเนินงานด้านการใช้บุหรี่ไฟฟ้าเพื่อให้เป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการจะลดหรือเลิกการสูบบุหรี่แบบมวนจากประเทศที่ได้มีการใช้ในปัจจุบัน 2.ควรกำหนดบทลงโทษให้สอดคล้องต่อบริบทของผู้กระทำความผิดไม่เปิดช่องว่างให้มีการเรียกรับ หรือรีดไถจากเจ้าหน้าที่รัฐได้อีก 3.ควรมีการรับฟังความเห็นจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้งภาคประชาชนที่เป็นผู้ใช้และประชาชนทั่วไป รวมไปถึงนักวิจัยและแพทย์เพื่อนำข้อมูลดังกล่าวมาปรับใช้กับกฎหมายตามความเปลี่ยนแปลงทางสังคมโลกต่อไป
ประเด็นที่สอง คือเรื่องการถูกรีดไถโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐโดยขอเสนอว่า 1. หากถูกเจ้าหน้าที่เข้าจับกุม ให้ตรวจสอบข้อกล่าวหากับทางเจ้าหน้าที่ว่าเป็นจริงดังข้อกล่าวหาหรือไม่ จัดอยู่ในหมวดหมู่ที่เราเป็นผู้กระทำจริงหรือเปล่าเพราะหากมีการเซ็นยินยอมรับสารภาพไปแล้วก็จะไม่สามารถโต้แย้งได้และอาจถูกลงโทษแม้เราจะมิใช่ผู้กระทำผิดในข้อหาดังกล่าวก็ตาม 2.ตรวจสอบข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับบุหรี่ไฟฟ้าได้จากช่องทางอินเตอร์เนตหรือประกาศจากทาง สคบ. เพื่อป้องกันการถูกรีดไถหรือมีการเปรียบเทียบปรับที่เกินกว่ากฎหมายกำหนด 3. หากถูกรีดไถจากเจ้าหน้าที่ประชาชนสามารถแจ้งร้องเรียนแบบไม่เปิดเผยตัวตนผ่าน เพจ ต้องแฉ และ เครื่องมือไลน์แชทบอต Corruption Watch เพราะกฎหมายคือกรอบการดำเนินชีวิตร่วมกันภายในสังคม มิใช่ทางลัดให้ผู้ใดแสวงหาผลประโยชน์ รีดไถประชาชน นำเอาผลประโยชน์สู่ตนเอง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี