นางนลินี งามเศรษฐมาศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอร่า แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ AIRA เปิดเผยว่า บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายเพิ่มสินทรัพย์แตะ 20,000 ล้านบาทในปี 2559 จากปัจจุบันอยู่ที่ 5,300 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ จะดำเนินกลยุทธ์การซื้อกิจการและการควบรวมอย่างต่อเนื่องเพื่อเป็นการขยายให้ได้ตามเป้าหมายในอัตราเร่ง ซึ่งอยู่ระหว่างเจรจาและซื้อกิจการเพิ่มอีก 3 ดีล โดยยังอยู่ในกลุ่มธุรกิจการเงิน ประกอบไปด้วย ประกัน ลีสซิ่ง และการบริหารสินทรัพย์ ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้
ทั้งนี้ล่าสุดAIRAได้ร่วมมือทางธุรกิจกับ AIFUL CORPORATION ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ในธุรกิจการเงินที่มีขนาดใหญ่อันดับ 1 ใน 4 ของผู้ประกอบการด้านสินเชื่อส่วนบุคคลที่ใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ที่มีการดำเนินธุรกิจมายาวนานกว่า 47 ปี และมีสาขาที่ให้บริการครอบคลุมทั่วประเทศญี่ปุ่น มากกว่า 750 สาขา
AIFUL CORPORATION เป็นบริษัทจดทะเบียนใน Tokyo Stock Exchange ตั้งแต่ปี 2000โดยมีมูลค่าทางการตลาด( Market Cap) ณ วันที่ 4 กันยายน 2557 จำนวน 224,068 ล้านเยน หรือ 67,220 ล้านบาท การขยายธุรกิจของ AIFUL CORPORATION ครั้งนี้ ถือเป็นการขยายการลงทุนออกนอกประเทศครั้งแรก และเป็นการบุกตลาดสินเชื่อส่วนบุคคลในประเทศไทย โดยจะมีการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนขึ้นภายในปีนี้ การร่วมลงทุนกับ AIFUL CORPORATION ครั้งนี้ถือเป็นหนึ่งในแผนธุรกิจที่จะนำพาบริษัทฯ ก้าวขึ้นเป็นผู้ประกอบการธุรกิจทางการเงินที่ไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์ หรือ Non-bank ติดอันดับ 1 ใน 5 ของประเทศได้อย่างรวดเร็ว
นายไพโรจน์ เหลืองเถลิงพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์(บล.) ไอร่า จำกัด (มหาชน) หรือ AIRA คาดว่ากำไรสุทธิปีนี้ของธุรกิจหลักทรัพย์จะมากกว่าปีก่อนที่ทำได้ประมาณ 90 ล้านบาท เนื่องจากปริมาณการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เริ่มปรับตัวดีต่อเนื่องหลังปัญหาการเมืองสงบ ส่งผลให้รายได้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยคงเป้าหมายส่วนแบ่งการตลาดปีนี้ที่ 1.3-1.5% จากปีก่อนที่ 1% ทั้งนี้สัดส่วนกำไรของธุรกิจโบรกเกอร์ คิดเป็นระดับมากกว่า 50% ในกลุ่มธุรกิจของบริษัท ไอร่า แคปปิตอล
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้รับเป็นที่ปรึกษาเพื่อนำหุ้นไอพีโอเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ 3 ราย คาดว่าจะยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล(ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)ได้ในช่วงปีหน้า ซึ่งหากสถานการณ์ในประเทศเข้าสู่ความสงบเรียบร้อยแล้ว จะทำให้ภาคการลงทุนและการบริโภคในประเทศฟื้นต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลดีต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน(บจ.) โดยประเมินว่าสิ้นปีนี้ดัชนีจะอยู่ที่ 1,600 จุด
"ปัจจุบัน บริษัทฯ มีฐานลูกค้าเฉลี่ย 2-3 หมื่นบัญชี และมีกลุ่มลูกค้า High Network ราว 50% ของวอลุ่มเทรดรวม มีวอลุ่มเทรดเฉลี่ยต่อวันของลูกค้ารวมอยู่ที่ประมาณ 1,500 ล้านบาท เรามั่นใจว่าจะเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดให้เป็น 1.3-1.5% ในปีนี้" นายไพโรจน์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี