23 ก.ย.2562 นายกฤษดา สาธุกิจชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เนทติเซนท์ จำกัด (Netizen) ในฐานะที่ปรึกษาการวางระบบซอฟต์แวร์การบริหารจัดการทางธุรกิจ ERP (Enterprise Resource Planning) เปิดเผยว่าจากการสำรวจของ Netizen พบว่าปัจจุบันองค์กรขนาดใหญ่มากกว่า 1,000 บริษัท ยังคงใช้ซอฟต์แวร์ ERP เวอร์ชันเก่ากว่า SAP ECC 6.0 ซึ่งกำลังจะถูกลดการ Support ลงภายในปี 2568 ส่งผลให้องค์กรเหล่านี้ จะต้องทำการอัพเกรดเวอร์ชันตัวใหม่ล่าสุด จึงมองว่าภายในระยะเวลา 5 ปี ตลาด SAP ERP จะคึกคักเป็นอย่างมาก เพราะองค์กรขนาดใหญ่จะเร่งทำการอัพเกรดซอฟต์แวร์ให้มีความทันสมัยมากขึ้น รองรับการแข่งขันเพื่อให้ก้าวทันการก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัล (Intelligent Enterprise) จึงเป็นโอกาสของ Netizen ที่จะเติบโตไปพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้

                    “Netizenจึงได้พัฒนาซอฟต์แวร์ ERP เวอร์ชันเนทติเซนท์ Netizen S/4HANA Peony หรือ Netizen Peony สำหรับเจาะตลาดฐานลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่ โดยการพัฒนาในครั้งนี้ ทาง Netizen ได้พัฒนาบน

                        SAP S/4HANA ซึ่งเป็น Core หลักของ Netizen Peony ด้วยการนำ Technology Peony Platform มาใช้งานร่วมกับ SAP S/4HANA ช่วยให้เข้าถึงประสิทธิภาพของซอฟต์แวร์ SAP S/4HANA ได้มากขึ้นและง่ายขึ้น มีทั้งแบบ On Premise และ On Cloud ซึ่งถือเป็นการปรับโฉมการใช้งานให้เข้ากับรูปแบบกระบวนการทำงานของธุรกิจในไทยตั้งแต่ขนาดกลางไปจนถึง ขนาดใหญ่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยสิ่งที่ Netizen Peony ได้พัฒนาเพิ่มเติมประกอบไปด้วยโซลูชันสำคัญ 5 ข้อ ดังนี้  Thai Localization, Easy Implementation Template, Business Process Scenario,Integration Software, Origami Platform" (Collaboration platform)

                    นอกจากนี้ Netizen Peony ยังมีจุดเด่นด้านการเปลี่ยนถ่ายข้อมูลจากระบบเดิม ไปสู่ระบบใหม่ Netizen Peony ได้อย่างง่ายดาย ด้วยแพลตฟอร์ม Database In-Memory Technologyบนระบบความปลอดภัยมาตรฐานสากล และการทำงานแบบ Real Time Predictive Analytics

                    ดังนั้นองค์กรที่ใช้งานซอฟต์แวร์ Netizen Peony จะสามารถเปลี่ยนถ่ายองค์กรไปสู่ Intelligent Enterprise ได้อย่างลื่นไหล รวมทั้งเชื่อมโยงการทำงานผ่าน Mobility สามารถใช้งานผ่านมือถือ และ Handheld ได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว ไม่เพียงแต่จะลดต้นทุนการบริหารจัดการโดยรวมขององค์กรในระยะยาวและวัดผลการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ยังช่วยพัฒนาในแง่ของผลการปฏิบัติงาน  ควบคุมการทำงานภายในระบบเดียวกันได้เป็นอย่างดี ทำให้ธุรกิจมองเห็นโอกาสทางการตลาดใหม่ ๆ และลดความเสี่ยงให้กับองค์กรธุรกิจอย่างเห็นได้ชัด ช่วยให้องค์กรประสบความสำเร็จในการการดำเนินธุรกิจได้ง่ายขึ้น

                    ล่าสุด บริษัท พูนทรัพย์แคน จำกัด ได้มีการ Go-Live ความสำเร็จในการวางระบบ SAP S/4HANA ในเวอร์ชัน Netizen Peony ที่ผ่านมานั้นบริษัท พูนทรัพย์แคน จำกัด ได้มีการใช้งานระบบ ERP ตัวเดิมมาอย่างยาวนานกว่า 18 ปี ซึ่งไม่สามารถรองรับการเติบโตของธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกต่อไป อีกทั้งยังมีความซ้ำซ้อนในระบบการทำงาน และปัญหาในการจัดการกระบวนการผลิตเป็นอย่างมาก จึงได้ไว้วางใจให้ที่ปรึกษาการวางระบบ SAP ERP บริษัท Netizen ร่วมกับพันธมิตร Dimension Data และ NTT DATA Thailand ขับเคลื่อนการวางระบบ SAP S/4HANA Peony ครั้งนี้

ความสำเร็จและความภาคภูมิใจของ Netizen ในการวางระบบเนทติเซนท์ Netizen S/4HANA Peony คือ สามารถ Go-Live ได้ภายในระยะเวลาเพียงแค่ 11 เดือน และมากถึง 8 Modules ด้วยกัน ซึ่งประกอบด้วย Material Management (MM) , Sales & Distribution (SD), Production Planning (PP), Quality Management (QM), Plant Maintenance (PM), Warehouse Management (WM), Financial Accounting (FI) และ Controlling (CO) โดยความสำเร็จครั้งนี้ที่เกิดขึ้นได้นั้นเนื่องจาก ทางบริษัท Netizen ได้วางระบบโดยใช้ ซอฟต์แวร์เนทติเซนท์ Netizen S/4HANA Peony เป็นหลัก เพื่อให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการดำเนินธุรกิจด้วย

                    NETIZEN Peony Business Standard ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถแสดงข้อมูลแบบ Real-time ได้อย่างรวดเร็ว ถูกต้อง แม่นยำ และครบถ้วนรวมถึงมีการใช้งานระบบ Netizen Peony Mobile ที่มีการใช้งานซอฟต์แวร์ Peony ผ่านมือถือ และ Handheld โดยทางผู้ใช้งานสามารถทำการแสกน Barcode ที่หน้างานผ่านมือถือได้เลย เพื่อลดความผิดพลาดในการคีย์ข้อมูลแบบ Manual และลดเวลาในการทำรับสินค้า สามารถตอบโจทย์การทำงานได้อย่างสะดวก และรวดเร็ว รวมทั้งยังช่วยเพิ่มความถูกต้องในการจัดการสินค้าและวัตถุดิบมากขึ้น

เห็นได้ชัดว่า Netizen Peony เป็นโซลูชัน ERP ที่เหมาะสำหรับองค์กรที่กำลังก้าวเข้าสู่ Intelligent Enterprise ด้วยการนำเอา Digital Technology มาปรับใช้กับทุกองค์ประกอบของธุรกิจ ทำให้สามารถรองรับการบริหารจัดการทางธุรกิจด้วยเทคโนโลยีใหม่ ๆ ในยุคดิจิทัลได้เป็นอย่างดี เชื่อมโยงทุกหน่วยงานให้ทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ครอบคลุมทุกกระบวนการทำงาน ช่วยให้ทำงานได้อย่างรวดเร็ว ถูกต้อง และมีความแม่นยำมากขึ้น ลดข้อผิดพลาดในการทำงาน รวมถึงมีการควบคุมคุณภาพของสินค้าและกระบวนการผลิตให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีศักยภาพสูงสุด ทำให้ธุรกิจสามารถขยายฐานการผลิตไปยังภูมิภาคอื่นทั่วโลก และรองรับการลงทุนเครื่องจักรใหม่ด้วยเทคโนโลยีที่มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น”