นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร กรรมการบริษัทฯ รักษาการแทนกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ. การบินไทย เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ คณะกรรมการ(บอร์ด)การบินไทยมีมติเห็นชอบให้บริษัทฯ ว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษา 4 ราย ได้แก่

1.บริษัท เบเคอร์ แอนด์ แม็คเค็นซี่ จำกัด เป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมายและสัญญา 2.บมจ. ฟินันซ่า เป็นที่ปรึกษาด้านโครงสร้างทางการเงิน 3.บริษัท แมคคินซี่ แอนด์ คอมพานี (ประเทศไทย) จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจการบิน (Airline Expert) เป็นที่ปรึกษาด้านการวางแผนธุรกิจในอนาคต (Airline Business) ที่อยู่ภายใต้แผนฟื้นฟู และ4.บริษัท อีวาย คอร์ปอเรท แอดไวซอรี่ เซอร์วิสเซส จำกัด เป็นผู้ทำแผนร่วม โดยบริษัท อีวายฯ เป็นบริษัทที่มีใบอนุญาต (License) เป็นผู้ทำแผนตามข้อกำหนดของกรมบังคับคดี และเป็นบริษัทที่มีประสบการณ์ในการเป็นผู้ทำแผนมาเป็นระยะเวลายาวนานในประเทศไทย

พร้อมยืนยันว่า ดำเนินการครั้งนี้เป็นไปตามระเบียบจัดซื้อจัดจ้าง อย่างถูกต้องและโปร่งใสในการว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาในอัตราที่เหมาะสม และเป็นไปตามขอบเขตของงาน (Term of Reference)ในการว่าจ้างทุกราย พร้อมขอความกรุณาให้ลูกค้า คู่ค้า เจ้าหนี้ และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับบริษัทฯ ทุกภาคส่วน มีความมั่นใจว่าบริษัทฯมีความจริงใจและตั้งใจที่ดำเนินการด้านต่างๆด้วยความโปร่งใส

นายชาญศิลป์ กล่าวว่า ผลกระทบจาก COVID-19 ทำให้การบินไทยต้องหยุดทำการบินชั่วคราว ส่งผลกระทบให้บริษัทฯ ขาดสภาพคล่อง ต่อมา การบินไทยฯ ต้องยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการต่อศาลล้มละลายกลางเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2563 และมีกำหนดวันนัดไต่สวนคำร้องขอฟื้นฟูกิจการของบริษัทฯ ในวันที่ 17 สิงหาคม 2563

นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ. ท่าอากาศยานไทย หรือ ทอท.กล่าวว่า เมื่อเร็วๆ นี้ สายการบินไทยแอร์เอเชียได้ขออนุญาตขยายฐานปฏิบัติการให้บริการไปที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) นอกเหนือจากปัจจุบันที่ให้บริการที่ ท่าอากาศยานดอนเมือง (ทดม.) โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการ ทอท.ในวันที่ 29 กรกฎาคม 2563

ทั้งนี้ ไทยแอร์เอเชีย จะมุ่งเน้นให้บริการที่เมืองท่องเที่ยวหลัก เช่น กระบี่ สุราษฎร์ธานี เชียงใหม่ ภูเก็ต เป็นต้น แต่หลังจาก COVID-19 คลี่คลายลงแล้ว จะเปิดให้บริการผู้โดยสารในเส้นทางการบินระหว่างประเทศต่อไป เช่น จีน พม่า อินโดนีเซีย กัมพูชา คาดว่าจะสามารถให้บริการได้ภายในปี 2563