นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน กล่าวในงานสัมมนาเชิงวิชาการ Thailand ESCO Fair 2020 หัวข้อ “Move Forwards to Smart Industry by ESCO” ว่า ปัญหาความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ส่งผลกระทบต่อการวางแผนจัดหาพลังงานในระยะยาว อีกทั้งความสามารถในการจัดหาแหล่งพลังงานฟอสซิลเริ่มมีอุปสรรคมากขึ้นในหลายๆ ประเทศ
ประเทศไทยจึงควรที่จะเร่งหันมาส่งเสริมพลังงานทดแทน ระบบกักเก็บพลังงาน การจัดการพลังงาน และการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ตลอดจนการขับเคลื่อนงานวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีด้านพลังงาน เพื่อนำผลงานไปใช้ประโยชน์และขยายผลในวงกว้าง ลดผลกระทบเชิงเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม อีกทั้งพัฒนาประสิทธิภาพกลไกการบริหารจัดการระบบข้อมูลงานวิจัย พัฒนาเทคโนโลยีด้านพลังงานให้เหมาะสมมีความทันสมัย ตอบสนองต่อความต้องการที่แท้จริงของประเทศ และช่วยเพิ่มศักยภาพในการนำไปใช้ประโยชน์จริงให้กับทุกภาคส่วน รวมถึงสนับสนุนทรัพยากร และพัฒนาการดำเนินงานด้านวิชาการ เพื่อลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ สามารถแก้ปัญหาในอุตสาหกรรมพลังงานและสร้างความมั่นคงให้กับประเทศ
นายสุพันธุ์ มงคลสุธีประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยกำลังเผชิญความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี (Technology Disruption) ผลกระทบจากเทคโนโลยีสมัยใหม่ ที่เข้ามาอย่างรวดเร็ว และผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ส่งผลให้พฤติกรรมและวิถีการดำรงชีวิตไม่เหมือนเดิม ทำให้หลายภาคส่วนต้องปรับรูปแบบการดำเนินงานจนกลายเป็นวิถีความปกติใหม่ (New Normal)
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์
สำหรับภาคอุตสาหกรรมจำเป็นต้องเร่งเรียนรู้นวัตกรรมด้านพลังงาน ควบคู่ไปกับการพัฒนาประสิทธิภาพด้านการผลิตและสร้างมูลค่าเพิ่มด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร Big Data ตลอดจนการเชื่อมโยงอุปกรณ์และระบบต่างๆ ผ่านเครือข่ายอินเตอร์เนต นำไปสู่ Smart Industry อันเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนการปฏิรูปกระบวนการผลิต การดำเนินธุรกิจ ควบคู่ไปกับการลดต้นทุนด้านพลังงาน และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับต่างประเทศ
นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานสถาบันพลังงานเพื่ออุตสาหกรรม กล่าวว่า การที่ผู้ประกอบการไทยจะก้าวไปข้างหน้าสู่ Smart Industry ได้นั้น ควรเร่งพัฒนาบุคลากรให้สามารถจัดการกับ DisruptiveTechnology ต่างๆ ได้ เร่งเรียนรู้นวัตกรรมในภาคอุตสาหกรรมด้านต่างๆ เช่น ด้านหุ่นยนต์ ด้านระบบอัตโนมัติ ด้านยานยนต์ไฟฟ้า (ElectricVehicle) และด้านเทคโนโลยีของระบบกักเก็บพลังงาน (ESS) ตลอดจนปรับตัวเพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน เปลี่ยนจากเชื้อเพลิงฟอสซิลไปสู่พลังงานสะอาด ที่ผู้บริโภคกลายเป็นศูนย์กลาง สามารถควบคุมการใช้ไฟฟ้า การผลิต การขาย และทางเลือกแหล่งพลังงานของตนเองได้ ในฐานะที่เป็นทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภค (Prosumer)
ทั้งนี้ในงานสัมมนา Thailand ESCO Fair 2020 เป็นโอกาสที่จะได้นำผลงานความสำเร็จต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานด้วยกลไกของ ESCO มาเผยแพร่สู่สาธารณชน เปิดโอกาสให้มีการพบปะพูดคุยกันระหว่างผู้ให้บริการ ผู้รับบริการ และผู้ที่เกี่ยวข้อง ส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือในการดำเนินโครงการอนุรักษ์พลังงาน และพัฒนาโครงการด้านพลังงานทดแทนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนผลักดันให้เกิดการลงทุนด้านพลังงานอย่างเป็นรูปธรรม
งานสัมมนาฯอยู่ภายใต้โครงการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทนสำหรับผู้ประกอบการด้วยบริษัทจัดการพลังงาน (ESCO) สนับสนุนโดยกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน กระทรวงพลังงาน จัดโดยสถาบันพลังงานเพื่ออุตสาหกรรม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ร่วมกับกระทรวงพลังงาน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี