ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จัดทำบทวิเคราะห์ “พ.ร.ก.กู้เงินเพิ่มเติม 7 แสนล้านบาท...สร้างความยืดหยุ่นในการบริหารการคลัง ภายใต้สถานการณ์โควิดที่ยังไม่แน่นอนสูง” โดยระบุว่า มติ ครม. เห็นชอบ พ.ร.ก.กู้เงิน 7 แสนล้านบาท เพิ่มเติมจากวงเงินกู้เดิมตาม พ.ร.ก. 1 ล้านล้านบาท ที่ได้มีการอนุมัติงบประมาณไปเกือบเต็มวงเงินแล้ว ซึ่งพ.ร.ก.กู้เงิน 7 แสนล้านบาท จะช่วยสร้างความยืดหยุ่นแก่รัฐบาลในการดูแลเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ โดยการใช้วงเงินกู้จริงคงจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์การแพร่ระบาดและภาวะเศรษฐกิจในช่วงข้างหน้า ในทางตรงข้าม หากไม่มี พ.ร.ก.กู้เงินฯ นี้ แต่การแพร่ระบาดยังไม่ทุเลาลง รัฐบาลก็จะขาดเครื่องมือทางการคลังในการเข้าไปช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่ถูกกระทบ
“การกู้เงินเพิ่มส่งผลให้ระดับหนี้สาธารณะของไทยเข้าใกล้เพดานหนี้ที่ 60% ของ GDP เร็วขึ้น และทางภาครัฐจำเป็นต้องขยายเพดานหนี้สาธารณะในระยะเวลาอันใกล้ ซึ่งการขยายเพดานหนี้สาธารณะนั้นยังอยู่ในวิสัยทัศน์ที่สามารถทำได้ ทั้งนี้ ระดับหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนมี.ค. 2564 อยู่ที่ 54.3% ของ GDP ขณะที่ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดการณ์ว่า หนี้สาธารณะ ณ สิ้นปีงบประมาณ 2564 จะอยู่ที่ราว 58.7-59.6% ของ GDP ภายใต้สมมุติฐานที่รวมกรอบพ.ร.ก.กู้เงิน 7 แสนล้านบาทแล้ว โดยคาดว่าจะมีการกู้จริงประมาณครึ่งหนึ่งของวงเงินทั้งหมด ณ สิ้นปีงบประมาณ 2564”
ประเด็นติดตามอยู่ที่ปฏิกิริยาตอบสนองของนักลงทุนต่อการกู้เพิ่มของภาครัฐ ซึ่งการสื่อสารจากทางภาครัฐและแผนการรักษาวินัยทางการคลังต่อจากนี้เป็นสิ่งที่สำคัญ โดยหากนักลงทุนมีมุมมองว่าการกู้เพิ่มในครั้งนี้เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำในสถานการณ์ปัจจุบัน และไม่ใช่ประเด็นเกี่ยวกับวินัยทางการคลัง การกู้เพิ่มอีก 7 แสนล้านอาจจะไม่ได้เป็นประเด็นต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน แต่หากนักลงทุนมีคำถามเกี่ยวกับประเด็นการรักษาวินัยทางการคลังที่อาจจะส่งผลกระทบต่อความเสี่ยงและความยั่งยืนทางการคลังในระยะยาว การกู้เงินเพิ่มเติมอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน ซึ่งจะมีผลต่อการขยับขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล และส่งผลให้ต้นทุนการกู้ยืมนั้นเพิ่มสูงขึ้น”
สำหรับผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ แม้โดยปกติแล้ว การกู้และใช้จ่ายเพิ่มเติมของรัฐบาล น่าจะมีส่วนกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจ แต่การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ดำเนินอยู่ ทำให้รายได้และการใช้จ่ายของผู้บริโภคแตกต่างไปจากในช่วงปกติ โดยสุดท้ายแล้ว ผลกระตุ้นต่อเศรษฐกิจของการกู้และใช้จ่ายเพิ่มเติมของรัฐบาล จะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ความรุนแรงของการแพร่ระบาด ทำให้เรายังคงต้องติดตามสถานการณ์โควิด-19 ต่อไปอีกระยะหนึ่ง จึงจะสามารถสรุปผลของ พ.ร.ก.กู้เงิน7 แสนล้าน ต่อตัวเลขอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจได้
ทั้งนี้ ในเบื้องต้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ยังคงตัวเลขประมาณการอัตราการขยายตัวของจีดีพีในปี 2564 ไว้ที่ร้อยละ1.8 ขณะที่จะติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 และเครื่องชี้เศรษฐกิจต่างๆ เพื่อใช้ในการประมาณการของเราในช่วงถัดๆ ไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี