นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 7 มิ.ย.2564 ได้ให้การต้อนรับนายฟาน จี๊ ทัญ (H.E. Mr.Phan Chi Thanh) เอกอัครราชทูตแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามประจำประเทศไทย ณ กระทรวงพาณิชย์ เพื่อหารือแนวทางเสริมสร้างความเข้มแข็งด้านเศรษฐกิจ และการค้าในยุคโควิด-19 พร้อมผลักดันแก้ไขปัญหาอุปสรรคในการส่งออกสินค้าไทยและเตรียมฉลองครบรอบ 45 ปี ความสัมพันธ์ไทย-เวียดนาม โดยทั้งสองฝ่ายยินดีที่มูลค่าการค้าระหว่างไทยกับเวียดนาม ใน 4 เดือนแรกของปี 2564 (ม.ค. – เม.ย.) ขยายตัวถึง 20% แม้ในปี 2563 การค้าสองฝ่ายจะต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้มูลค่า 600,000 ล้านบาททำได้ 517,524 ล้านบาท เนื่องจากสถานการณ์โควิด
ในการหารือของทั้งสองฝ่ายมี 2 ประเด็นหลัก ได้แก่ ประเด็นที่ 1 ไทยจะเป็นเจ้าภาพการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้าไทย-เวียดนาม (Joint Trade Committee: JTC) ครั้งที่ 4 โดยที่ประชุมได้สรุปให้จัดการประชุมในช่วงเดือนส.ค.นี้ ประเด็นที่ 2 เวียดนามได้สนับสนุนความเห็นของไทยในการประชุมเอเปกที่ผ่านมา ในประเด็นที่ไทยสนับสนุนให้ประเทศต่างๆ สามารถใช้สิทธิพิเศษผลิตวัคซีนได้(CL) เป็นการชั่วคราว ซึ่งมาตรการนี้เราสามารถที่จะช่วยผลิตวัคซีนและส่งออกไปยังกลุ่มประเทศในภูมิภาคอาเซียนและเวียดนามได้ด้วย
นายจุรินทร์กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังขอให้เวียดนามช่วยประชาสัมพันธ์งานจับคู่ธุรกิจออนไลน์ระหว่างไทยกับเวียดนาม ที่ไทยจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 4-5 ส.ค. เพื่อเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างกัน อีกทั้งขอให้เวียดนามช่วยอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าที่ต้องผ่านเวียดนาม โดยเฉพาะการส่งออกผลไม้ที่มีช่วงเวลาจำกัด ซึ่งบางด่านประสบปัญหาเรื่องความล่าช้า เช่น ด่านฝั่งเวียดนาม คือ ด่านหูหงิและด่านฝั่งจีน คือด่านโหย่วอี้กว่าน เป็นต้น
นอกจากนี้ยังขอให้เวียดนามผ่อนคลายข้อกำหนดในการขอขึ้นทะเบียนยาซึ่งมีความซับซ้อน ให้เป็นไปตามมาตรฐานอาเซียน หรือ WHO และขอให้เวียดนามพิจารณาไต่สวนมาตรการเก็บภาษีการทุ่มตลาดและการอุดหนุนสินค้าน้ำตาลจากไทย โดยให้ยึดหลักการพิจารณาเป็นไปตามกรอบองค์การการค้าโลกหรือ WTO
ส่วนการส่งออกสุกรไปเวียดนาม ไทยได้แจ้งว่า ไทยเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบสุกรก่อนส่งออกแล้ว จึงขอให้เวียดนามอำนวยความสะดวกในการนำเข้าสุกรจากไทย เพื่อให้สุกรคุณภาพจากไทยสามารถส่งออกไปยังเวียดนามได้โดยสะดวก
สำหรับวียดนามเป็นคู่ค้าอันดับที่ 6 ของไทยในโลก และอันดับที่ 3 ของไทยในอาเซียน รองจากมาเลเซีย และสิงคโปร์ โดยการค้าไทย-เวียดนามในปี 2563 มีมูลค่า 16,618.6 ล้านเหรียญสหรัฐ (517,424.4 ล้านบาท) โดยไทยส่งออกไปยังเวียดนาม 11,163.8 ล้านเหรียญสหรัฐ (346,063.4 ล้านบาท) และนำเข้าจากเวียดนาม 5,454.82 ล้านเหรียญสหรัฐ (171,361.04
ล้านบาท) สำหรับ 4 เดือนแรกของปี 2564 การค้าไทย-เวียดนาม มีมูลค่า 6,623.92 ล้านเหรียญสหรัฐ (199,523.29 ล้านบาท) โดยมีอัตราการขยายตัว 20% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2563 เป็นการส่งออกมูลค่า 4,314.06 ล้านเหรียญสหรัฐ (129,294.27ล้านบาท) และเป็นการนำเข้ามูลค่า 2,309.86 ล้านเหรียญสหรัฐ (70,229.02 ล้านบาท) สินค้าส่งออกหลักของไทยไปเวียดนาม คือ รถยนต์และส่วนประกอบ และสินค้านำเข้าสำคัญของไทยจากเวียดนาม คือ โทรศัพท์มือถือ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี