นายอนุสรณ์ ธรรมใจ อดีตกรรมการ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)และอดีตคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ ม.รังสิต กล่าวถึง เศรษฐกิจโลกมีการฟื้นตัวอย่างชัดเจนในช่วงครึ่งปีหลัง โดยมีการคาดการณ์ล่าสุด โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ
(ไอเอ็มเอฟ) ว่า อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกจะอยู่ที่ระดับ 6% เมื่อเทียบกับปีที่แล้วเพิ่มขึ้นจากการประมาณการช่วงต้นปีที่คาดว่าจะเติบโตได้เพียง 5.5% โดยเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกานั้นมีการเติบโตที่ร้อนแรงกว่าที่คาดการณ์ อัตรา
การขยายตัวเศรษฐกิจไตรมาสแรกของสหรัฐฯสูงถึง 6.4% และคาดว่าจีดีพีไตรมาสสองจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก
พร้อมคาดว่า มีความเป็นไปได้ที่ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะออกมาประกาศลดวงเงินเข้าซื้อพันธบัตรในช่วงปลายปีนี้หรืออาจเกิดขึ้นในไตรมาสสามและอาจเริ่มดำเนินการ QE Taper หรือ ทยอยถอนมาตรการการเงินผ่อนคลายเชิงปริมาณช่วงต้นปีหน้า
“บทเรียนการทำ QE Taper เมื่อปีค.ศ.2013 น่าจะทำให้เราพอคาดการณ์ได้ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯน่าจะทยอยส่งสัญญาณในการให้ ตลาดการเงิน รับข่าว QE Taper เป็นระยะๆ เพื่อไม่ให้ตลาดผันผวนรุนแรง” นายอนุสรณ์ กล่าว
ขณะที่ธนาคารกลางของหลายประเทศขณะนี้เริ่มทยอยส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เช่น ธนาคารกลางแคนาดาจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยปีหน้า ธนาคารกลางนอร์เวย์ปรับขึ้นครึ่งปีหลังปีนี้ ธนาคารกลางนิวซีแลนด์ เกาหลีใต้ บราซิลส่งสัญญาณเข้มงวดเพิ่มขึ้น และล่าสุด ธนาคารกลางรัสเซียได้ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.50% สู่ระดับ 5.5% การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเมื่อวันศุกร์ที่ 11 มิ.ย. ที่ผ่านมา เป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่สามเพื่อสกัดอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นแตะระดับ 6% ในเดือนพ.ค.
นายอนุสรณ์ ธรรมใจ กล่าวอีกว่า การตอบสนองต่อการประกาศถอนมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณจะ
ไม่รุนแรง เพราะเศรษฐกิจของหลายประเทศรวมทั้งสหรัฐฯมีความแข็งแกร่งเพียงพอในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงิน ธนาคารกลางสหรัฐฯ ทยอยส่งสัญญาณให้ตลาดการเงินรับรู้แม้นบางครั้งจะไม่มีความชัดเจนมากนักก็ตาม นอกจากนี้ มุมมองของนักลงทุนที่มีต่อความผันผวนในตลาดการเงินโลกแสดงให้เห็นว่านักลงทุนสามารถรับความเสี่ยงได้มากขึ้น
สำหรับตลาดการเงินไทยนั้นมีความเปราะบางสูงกว่า และอาจมีความผันผวนมากกว่าบางตลาดได้เนื่องจากโครงสร้างทางการเงินของกิจการและธุรกิจ
ในระยะ 1-2 ปีข้างหน้า หากเศรษฐกิจไทย ขยายตัวได้ต่ำกว่า 2% มีความเสี่ยงจะเกิดวิกฤติหนี้สินทั้งภาครัฐและภาคเอกชนโดยกลุ่มธุรกิจที่จะมีปัญหาในการชำระหนี้ ขณะเดียวกัน ฐานะทางการคลังของประเทศอ่อนแอลง โดยมีการก่อหนี้จำนวนมากทำให้ สัดส่วนของหนี้สาธารณะต่อจีดีพีทะลุ 60% ในปีหน้า เกิดความอ่อนไหวต่อการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยและสภาพคล่องในตลาดการเงินโลกที่อาจตึงตัวขึ้นในปีหน้า
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี