นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า หลังจากที่รัฐบาลได้มีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ตั้งแต่ 1 ก.ย. 2564 ที่ผ่านพบว่าส่งผลให้ผู้ซื้อรถยนต์เริ่มทยอยกลับมาพิจารณาซื้อรถมากขึ้น ดังนั้นภาพรวมการผลิตรถยนต์ปี 2564 ที่กำหนดไว้ 1,550,000-1,600,000 คัน แบ่งเป็นผลิตเพื่อส่งออก800,000-850,000 คัน ผลิตเพื่อขายในประเทศ 750,000 คัน จะเป็นไปตามเป้าหมายแน่นอน
ก่อนหน้านี้ตลาดรถยนต์ได้รับผลกระทบจากการล็อกดาวน์ช่วงที่ผ่านมา โดยการจำหน่ายรถยนต์ภาพรวมในประเทศได้รับผลกระทบทั้งการยกเลิกการจองหรือเลื่อนรับรถออกไปจำนวนมากเพราะประชาชนไม่มั่นใจในรายได้ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
“หลังจากที่รัฐผ่อนคลายการล็อกดาวน์เราพบว่าลูกค้าเข้าโชว์รูมมาดูรถ และเริ่มจองรถมากขึ้น จากก่อนหน้าที่รัฐขยายเวลาเวลาล็อกดาวน์แทบไม่มี ซึ่งเชื่อว่าหากรัฐทยอยการปลดล็อกดาวน์และนำไปสู่การยกเลิกในที่สุดได้ภายในสิ้นปีนี้ก็จะทำให้เกิดความเชื่อมั่น เป็นแรงส่งให้การอุปโภคและบริโภคของคนไทยขยับขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งก็จะรวมถึงการจำหน่ายรถยนต์ในประเทศที่จะได้รับผลดีตามไปด้วยเช่นกัน”นายสุรพงษ์กล่าว
สำหรับภาพรวมการผลิตรถยนต์จะได้เกินเป้าหมายที่วางไว้หรือไม่นั้นยังเป็นสิ่งที่คาดเดาได้ยากเนื่องจากตัวแปรสำคัญอยู่ที่ปัญหาการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ (ชิพ) และการขาดแคลนชิ้นส่วนรถยนต์จากกรณีที่ประเทศเพื่อนบ้านประสบปัญหาการติดเชื้อโควิด-19 ในโรงงานและรวมถึงไทยจนได้รับผลกระทบการขาดชิ้นส่วนบางรายการส่งผลกระทบต่อการผลิตรถยนต์บางรุ่นต้องชะลอออกไปถึงเดือนต.ค. โดยปัญหาดังกล่าวยังจำเป็นต้องติดตามอย่างใกล้ชิดโดยส่วนตัวคาดว่าปัญหาการขาดแคลนชิพอาจลากยาวไปถึงปี 2565 ยกเว้นประเทศต่างๆ ทั่วโลกจะไม่มีการล็อกดาวน์มากขึ้นเนื่องจากการล็อกดาวน์เป็นปัจจัยหนึ่งในการผลักดันให้เกิดการชิพมากขึ้นโดยเฉพาะในสินค้าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ คอมพิวเตอร์ รวมถึงยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ฯลฯ
“การส่งออกกลุ่มรถยนต์ของไทยปี 2564 คงจะไม่ถึง 1 ล้านล้านบาท ซึ่งเราเองก็ลุ้นอยู่ แต่จากตัวเลข 7 เดือน (ม.ค.-ก.ค. 2564) เราส่งออกกลุ่มรถยนต์มูลค่าประมาณ 4.69 แสนล้านบาทแต่ภาพรวมการส่งออกรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ก็ยังถือเป็นอุตสาหกรรมที่ยังคงเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่ส่งออกสูงสุดให้กับไทยในปีนี้เช่นเคย”นายสุรพงษ์กล่าว
ส่วนแนวโน้มการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า(อีวี)ในไทยคาดว่าค่ายรถจะทยอยเปิดตัวการผลิตได้ในปี 2565 นี้ซึ่งจะเป็นการต่อยอดฐานการผลิตรถยนต์สันดาปภายในที่ไทยแข็งแรงในปัจจุบัน เพื่อก้าวไปสู่ศูนย์กลางการผลิตรถ และแบตเตอรี่อีวีในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งขณะนี้ไทยมีจำนวนรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่(BEV) ที่จดทะเบียนสะสม ณ วันที่ 31 ก.ค. 2564 ประมาณ 3,074 คัน หากเทียบกับช่วง 31 ก.ค. 2563 พบว่ามีจำนวนเพิ่มขึ้นประมาณ 1,404 คัน ซึ่งก็ยังถือว่ายังอยู่ในอัตราที่ยังไม่สูงนักด้วยปัจจัยของยานยนต์ไฟฟ้านั้นยังเป็นเรื่องของราคารถที่ยังคงอยู่ในระดับสูงอยู่ โดยต้องรอการพัฒนาอีกระยะหนึ่ง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี