นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานสภาหอการค้าไทยในฐานะประธาน คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ซึ่งประกอบด้วย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทยแถลงภายหลังการประชุมกกร. ว่า การเปิดประเทศเมื่อ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจโค้งสุดท้ายของปี ผู้ประกอบการ และประชาชนมีความเชื่อมั่นมากขึ้น โดยมีการคาดการณ์จากผู้ประกอบการโรงแรมว่าอัตราการเข้าพักน่าจะขยับขึ้นไปที่ระดับ 25% ในเดือนพฤศจิกายน จากเดือนกันยายนที่มี 15% ประกอบกับการจับจ่ายใช้สอยในภูมิภาคดีขึ้น ส่วนภาคการค้าปลีกมองว่า ผ่านจุดต่ำสุดที่ไตรมาส 3 มาแล้ว สอดคล้องกับมุมมองของนักธุรกิจต่างชาติในประเทศไทยก็เชื่อมั่นในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในไตรมาส 4

พร้อมๆกับมาตรการสนับสนุนการใช้จ่ายในประเทศของภาครัฐ อาทิ โครงการคนละครึ่ง และโครงการเราเที่ยวด้วยกัน และจากการเตรียมการของผู้ประกอบการเพื่อรับการเปิดเมือง ก็เชื่อว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวจากการคลายมาตรการล็อกดาวน์ช่วงที่ผ่านมา โดยภาคเอกชนยังหวังว่าภาครัฐจะเสริมมาตรการด้วย มาตรการช้อปดีมีคืนจะเป็นแรงส่งให้เศรษฐกิจในปลายปีนี้กลับมาคึกคักมากขึ้นและต่อเนื่องไปยังปีหน้า นอกจากนั้นเพื่อเป็นการให้มีกิจกรรมทางเศรษฐกิจทางภาคเอกชนก็เชื่อว่า หากภาครัฐผ่อนคลายและโปรโมทกิจกรรม เทศกาล ทั้งงานลอยกระทง และงานปีใหม่ได้ ก็จะเป็นตัวเสริมให้บรรยากาศทางเศรษฐกิจดีขึ้น

ส่วนภาคการผลิตของไทยยังสามารถเติบโตได้ แต่ยังต้องเผชิญปัญหาอุปทานตึงตัวเช่นเดียวกับภาคอุตสาหกรรมทั่วโลก ปัญหาอุปทานตึงตัวส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมทั่วโลก ทำให้ต้องชะลอการผลิตและไม่สามารถผลิตสินค้าได้มากเท่ากับที่ตลาดต้องการ และส่งผลให้ราคาสินค้าทั้งต้นน้ำและปลายน้ำปรับตัวสูงขึ้นมาก ในประเด็นนี้จึงทำให้ผู้ประกอบการไทยได้รับผลกระทบจากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น โดยดัชนีราคาผู้ผลิตสูงขึ้นราว 5% เทียบกับปีก่อนหน้า ทั้งนี้ ผู้ส่งออกยังต้องเผชิญกับต้นทุนค่าระวางเรือที่อยู่ในระดับสูงเป็นประวัติการณ์และการขาดแคลนตู้ส่งสินค้า จึงต้องติดตามภาวะต้นทุนของผู้ประกอบการอย่างใกล้ชิดในระยะต่อไป

ดังนั้นที่ประชุม กกร. ประเมินว่าสถานการณ์ที่ดีขึ้นพร้อมกับมาตรการภาครัฐที่มีเสริมขึ้นมาทำให้เชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจไทย(จีดีพี)ปี 2564 จะขยายตัวในกรอบ0.5%-1.5% การส่งออกคาดว่าจะขยายตัว 12.0- 14.0%อัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะอยู่ในกรอบ 1.0-1.2% ทั้งนี้อยู่ในเงื่อนไขที่ไม่มีการระบาดซ้ำเพิ่มเติมและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ