สมาคมผู้ค้าปลีกไทย แจ้งว่า เมื่อเร็วๆ นี้ สมาคมฯได้เสนอมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย และมีข้อเสนอให้นำ “ช้อปดีมีคืน” กลับมาใช้อีกครั้งในปีนี้ โดยได้มีหนังสือถึงรัฐบาลในเดือนก.ค. 2564 และจากข่าวของคณะกรรมการร่วมเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ที่สนับสนุนให้มีการกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศผ่านกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อสูงเช่นเดียวกัน ทางสมาคมผู้ค้าปลีกไทยพร้อมผลักดันโครงการ“ช้อปดีมีคืน” ร่วมกับภาคเอกชน เพื่อนำไปสู่แมกเน็ตสำคัญที่จะดึงดูดคนในประเทศหันมาจับจ่ายใช้สอยอย่างคึกคักในช่วงไฮซีซั่นของปีนี้คาดเงินสะพัด 3-4 แสนล้านบาทด้วยงบประมาณรัฐที่ต่ำสุด

นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย กล่าวว่า ทั้งนี้ สมาคมผู้ค้าปลีกไทยจึงขอเสนอให้รัฐนำโครงการ“ช้อปดีมีคืน” กลับมาใช้ในโค้งสุดท้ายของปี 2564 โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.ระยะเวลาตั้งแต่ 15 พ.ย.-31 ธ.ค. 2564 เพื่อนำไปลดหย่อนภาษีเงินได้ของปี 2564 และ 2.กลุ่มเป้าหมายเป็นผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่สามารถลดหย่อนภาษีได้จำนวน 3.7-4.0 ล้านคนทั่วประเทศ โดยไม่มีการจำกัดเงื่อนไขและไม่จำกัดสิทธิกลุ่มที่เคยลงทะเบียนในมาตรการอื่นๆ ของรัฐบาล อาทิ คนละครึ่งและยิ่งใช้ยิ่งได้ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้มีผู้เข้าร่วมโครงการกว่า 1.5-2.0 ล้านคน3.ขยายวงเงินเป็น 200,000 บาท จากเดิม 30,000 บาท (ในปี 2563) คาดการณ์เงินสะพัดรวมอยู่ที่ 3-4 แสนล้านบาท ส่งผลให้ GDP เติบโตขึ้นถึง 0.7-1.0% โดยรัฐบาลใช้งบประมาณเพียง 15,000-20,000 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าลดหย่อนภาษี

ด้าน นายพอลล์ กาญจนพาสน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บางกอกแลนด์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพค เมืองทองธานี เปิดเผยว่าตามที่สถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่มีแนวโน้มลดลง ทางรัฐบาลได้ประกาศนโยบายเปิดประเทศ ถือเป็นสัญญาณที่ดี สำหรับภาคธุรกิจท่องเที่ยวและบริการ รวมถึงอุตสาหกรรมไมซ์ที่จะสามารถเปิดพื้นที่จัดงานแสดงสินค้า นิทรรศการ งานประชุมสัมมนา การท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล และกิจกรรมพิเศษต่างๆ ได้ แต่ยังต้องเน้นย้ำเรื่องเตรียมความพร้อมควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด ในส่วนของศูนย์ฯในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปีนี้มียอดยืนยันจัดงานแสดงสินค้าแล้วมากกว่า 10 งาน