นายเกรียงไกร เธียรนุกุล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.)เปิดเผยว่า ส.อ.ท.กำลังติดตาม 3 ปัจจัยเสี่ยงต่อภาคการผลิตและเศรษฐกิจไทยอย่างใกล้ชิดเนื่องจากจะกระทบต่อต้นทุนการผลิตในภาพรวมที่ต้องปรับตัวสูงขึ้นและสะท้อนไปยังราคาสินค้าที่อาจบั่นทอนแรงซื้อประชาชนที่ลดลงได้ ประกอบด้วย
1.ต้นทุนวัตถุดิบทั้งสินค้าโภคภัณฑ์ การเกษตรที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นส่งผลให้ราคาสินค้ากลางน้ำและปลายน้ำทยอยปรับราคา 2.แรงงานต่างด้าวขาดแคลนจากผลกระทบของโควิด-19 และ 3.อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทที่ยังมีแนวโน้มอ่อนค่า และผันผวนที่กระทบต่อการนำเข้าเครื่องจักร วัตถุดิบและพลังงาน
สำหรับปัญหาแรงงานต่างด้าวที่ไทยขาดแคลนเนื่องจากผลกระทบโควิด-19 ที่ผ่านมา ทำให้แรงงานส่วนหนึ่งได้เดินทางกลับประเทศตนเองแล้วบางส่วนยังไม่ได้กลับมาขณะที่ภาคการส่งออกที่ใช้แรงงานเข้มข้น เช่น อาหาร ขยายตัวต่อเนื่องจากยอดส่งออกที่เติบโต ทำให้แรงงานส่วนนี้ต้องการเพิ่มขึ้น และเมื่อไทยเปิดประเทศทำให้แรงงานในภาคการผลิตและท่องเที่ยว บริการต้องการเพิ่มเข้ามาอีก ซึ่งประเมินว่าแรงงานต่างด้าวที่ขาดแคลนรวมจะอยู่ราว 8 แสนคน(ภาคผลิต 3-5 แสนคนและบริการท่องเที่ยวอีก 3 แสนคน)ดังนั้นหากแรงงานเข้ามาไม่ทันกับความต้องการก็จะกระทบต่อการดำเนินธุรกิจได้ กระทรวงแรงงานจำเป็นต้องเร่งรัดการนำเข้าแบบถูกกฎหมายให้ทันกับสถานการณ์ ที่ไม่เพียงตอบสนองกับความต้องการของภาคธุรกิจแต่ยังสกัดกั้นไม่ให้เกิดการนำเข้าแรงงานเถื่อนอีกด้วย
นายเกรียงไกรกล่าวว่า ในปัจจุบันระดับราคาพลังงานทั้งน้ำมัน ถ่านหิน ฯลฯ ตลาดโลกที่เพิ่มสูงทำให้วัตถุดิบที่ใช้พลังงานปริมาณมากปรับตัวเพิ่มขึ้น เช่น เหล็ก อะลูมิเนียม ปิโตรเคมี ฯลฯ เช่นเดียวกับภาคขนส่งที่เกี่ยวข้องกับภาคการผลิตและเกษตรได้รับผลกระทบจากระดับราคาน้ำมันที่สูงเช่นกัน และล่าสุดต้องติดตามกรณีที่สหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทยได้ดีเดย์หยุดวิ่งรถขนส่งสินค้าทั่วประเทศแล้ว 20% และวันที่16 พ.ย.นี้ จัดกิจกรรม truck power 2ปิดล้อมเมือง เพื่อยกระดับกดดันรัฐบาลให้กำหนดราคาดีเซลเหลือลิตรละ 25 บาทเป็นเวลา 1 ปี ว่าจะกระทบมากน้อยเพียงใด
ขณะที่สภาวะอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทของไทยล่าสุดอยู่ในกรอบ 32.70-32.90 บาทต่อเหรียญสหรัฐ โดยมีแนวโน้มอ่อนค่าลงจากทิศทางเงินเหรียญสหรัฐที่แข็งค่าสุดในรอบปี ซึ่งค่าเงินบาทยังมีทิศทางผันผวนจากเศรษฐกิจสหรัฐฯที่เผชิญภาวะเงินเฟ้อและต้องติดตามโควิด-19ช่วงฤดูหนาวที่จะมีผลต่อเศรษฐกิจโลกปลายปีนี้ อย่างไรก็ตาม บาทอ่อนค่านั้นมีทั้งผลดีและผลเสียกล่าวคือผลดีต่อภาคการส่งออกที่จะเป็นแต้มต่อให้ไทยมากขึ้นแต่ต้องไม่ลืมว่าภาคส่งออกของไทยนั้นส่วนใหญ่ล้วนเป็นบริษัทข้ามชาติ ขณะที่ผลเสียคือการนำเข้าเครื่องจักร วัตถุดิบ และรวมถึงพลังงานจะสูงขึ้นอีกเพราะไทยยังต้องพึ่งพาการนำเข้าเป็นหลักโดยเฉพาะพลังงาน
“ราคาพลังงานตลาดโลกที่สูง วัตถุดิบที่แพง หากต้องเจอการนำเข้าก็ยิ่งเป็น 2 เด้งจากบาทที่อ่อนค่า ภาพรวมบาทอ่อนจึงมีทั้งผลดีและเสียต่อเศรษฐกิจไทย จึงต้องให้สมดุลดีสุด อย่างไรก็ตามหลังรัฐเปิดประเทศ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา รับนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยทำให้บรรยากาศคึกคักขึ้นแต่ต่างชาติอาจยังมาได้จำกัดแม้แต่ปีหน้า เพราะจีนที่เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติหลักของไทยยังไม่มา และสิ่งสำคัญต้องควบคุมโควิด-19 ให้ดีๆ” นายเกรียงไกรกล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี