นายพิพิธ เอนกนิธิ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย(KBANK) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงเวลาที่ผ่านมาได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไปทั่วโลก แต่เรายังสามารถสร้างการเติบโตของธุรกิจธนาคารในระดับภูมิภาคได้อย่างก้าวกระโดด โดยในปี 2564 เติบโตมากกว่าปีที่ผ่านมาถึง 34% ซึ่งได้ตั้งเป้าหมายภายในปี 2566 จะเพิ่มสัดส่วนรายได้ของธุรกิจในต่างประเทศเป็น 5% ของรายได้สุทธิธนาคารทั้งหมดหรือมีรายได้เติบโตถึง 5 เท่า พร้อมขยายฐานลูกค้าดิจิทัลเป็น 6.5 ล้านรายจากปัจจุบันที่มีอยู่ 1.6 ล้านรายและเพิ่มเป็น 10 ล้านรายภายในปี 2567

อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนแปลงด้านภูมิรัฐศาสตร์โลกและกระแสการมุ่งสู่ความยั่งยืน ส่งผลให้ภูมิทัศน์ของโลกหลังโควิด-19 เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งนับเป็นโจทย์ที่มีความซับซ้อนและท้าทาย แต่ขณะเดียวกันก็เต็มไปด้วยโอกาสทางธุรกิจที่ไร้ขีดจำกัด สำหรับธุรกิจที่ปรับตัวได้เร็ว และเปิดรับทักษะสมัยใหม่ นอกจากนี้ ธนาคารได้สร้างการเปลี่ยนสู่ธุรกิจธนาคารยุคใหม่แห่งภูมิภาค ด้วยการเดินหน้าธุรกิจตามโมเดล Kasikorn China ที่ดำเนินธุรกิจบนปรัชญา “Better Me” สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของจีนที่มุ่งเน้นการพัฒนาแบบยั่งยืน ภายใต้แนวคิด ESG Bank ที่สร้างโอกาสการเข้าถึงทางการเงินให้กับลูกค้า

ธนาคารจะนำแนวคิดนี้ขยายไปยังเวียดนามที่ได้เดินหน้าด้วยดิจิทัล แบงก์กิ้ง อย่างเต็มรูปแบบ ส่วนกัมพูชาเราพร้อมเปิดตัว Payroll Lending ที่ทำให้ลูกค้าได้รับสินเชื่ออย่างง่ายดายผ่านแอปพลิเคชั่นของพันธมิตร และในฝั่งสปป.ลาว จะยังคงเดินหน้าเพิ่มจำนวนผู้ใช้งานบริการ QR KBank จากปัจจุบันที่มี 1.3 แสนรายอย่างต่อเนื่อง โดยเป้าหมายถัดไปของเราคือ การเชื่อมต่อกับอินโดนีเซีย เพื่อขยายโอกาสในการทำธุรกิจและส่งมอบบริการทางการเงินให้กับลูกค้าในอินโดนีเซีย

นอกจากนี้ยังมีแผนจัดตั้งบริษัทK VISION FINANCIAL (KVF) เพื่อขยายการลงทุนด้านดิจิทัลในธุรกิจต่างๆ เพื่อขยายฐานลูกค้าและเพิ่มจำนวนพันธมิตรทางธุรกิจ สู่การเป็น Ecosystem ทางการเงินในระดับภูมิภาค พร้อมสร้างบริการทางการเงินเพื่อรองรับตลาด Digital Asset ที่จะเติบโตในตลาดภูมิภาค โดยเฉพาะในประเทศจีนอินโดนีเซีย และเวียดนาม อย่างไรก็ตามธนาคารมุ่งมั่นเป็นองค์กรในฝันของ Top Talent ทั่วโลก ซึ่งจากเป้าหมายและพันธกิจที่ใหญ่ขึ้น ทำให้ World Business Group (WBG)ตั้งเป้าเพิ่มจำนวนพนักงานเป็น 1,037 คน ในปี 2565 หรือเพิ่มขึ้น 52% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2563