ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)รายงานดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ (REPORT ON BUSINESS SENTIMENT INDEX) ในเดือนธันวาคม 2564 ดัชนีฯ ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 49.0 ใกล้เคียงกับช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของ COVID-19 จากการเพิ่มขึ้นขององค์ประกอบด้านผลประกอบการเป็นสำคัญโดยดัชนีฯของภาคการผลิตใกล้เคียงเดือนก่อน ขณะที่ดัชนีฯ ของภาคที่มิใช่การผลิตปรับเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจโรงแรมและร้านอาหารที่ได้รับผลดีจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคจนเกือบเป็นปกติในทุกพื้นที่ของประเทศ เช่น การขยายช่วงเวลาสำหรับการจำหน่ายแอลกอฮอล์ในร้านอาหาร และอนุญาตให้จัดงานปีใหม่ภายใต้เงื่อนไขและเวลาที่กำหนด ส่งผลให้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคและกิจกรรมทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นอย่างไรก็ตาม แม้โดยรวมดัชนีฯ จะปรับดีขึ้นต่อเนื่อง แต่ความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโควิดสายพันธุ์Omicron กดดันให้ดัชนีฯ ยังอยู่ต่ำกว่าระดับ 50

ในอีก 3 เดือนข้างหน้า ดัชนีฯ ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 55.2 จากความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นของภาคการผลิตเป็นสำคัญโดยเฉพาะกลุ่มผลิตเหล็ก โดยราคาเหล็กที่ปรับลดลงส่งผลให้ความเชื่อมั่นด้านการผลิตคำสั่งซื้อ และผลประกอบการปรับเพิ่มขึ้นมาก ส่วนความเชื่อมั่นของธุรกิจอื่นในภาคการผลิตยังคงดีขึ้นจากปัจจุบัน สะท้อนจากดัชนีฯ ที่อยู่เหนือระดับ 50 ได้ต่อเนื่อง สำหรับความเชื่อมั่นในภาคที่มิใช่การผลิตทรงตัวใกล้เคียงเดือนก่อน โดยความเชื่อมั่นของธุรกิจโรงแรมและร้านอาหารปรับดีขึ้น ขณะที่ความเชื่อมั่นของกลุ่มอสังหาฯ และก่อสร้าง ปรับลดลงและเป็นกลุ่มธุรกิจเดียวที่ดัชนีฯยังอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 เนื่องจากกำลังซื้อยังอ่อนแอและสถาบันการเงินยังคงระมัดระวังการให้สินเชื่อ แม้จะมีการผ่อนคลายมาตรการ LTV แล้วก็ตาม

ดัชนีความเชื่อมั่นด้านอื่นๆ เช่นดัชนีฯ ด้านสภาพคล่องในปัจจุบันปรับเพิ่มขึ้นตามความเชื่อมั่นด้านผลประกอบการที่ปรับดีขึ้น แต่ยังอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 สะท้อนว่าธุรกิจส่วนใหญ่ยังมีสภาพคล่องตึงตัว ส่วนหนึ่งจากต้นทุนที่ทรงตัวในระดับสูง สัดส่วนผู้ประกอบการที่กังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของ COVID-19และกำลังซื้อในประเทศเพิ่มขึ้น หลังจากที่เริ่มพบการติดเชื้อสายพันธุ์ Omicron ในประเทศ ขณะที่ข้อจำกัดด้านต้นทุนสูงยังเป็นอุปสรรคอันดับแรกสำหรับการดำเนินธุรกิจต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 สอดคล้องกับอัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ในอีก 12 เดือนข้างหน้าที่ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 2.0 จากร้อยละ 1.9 ในเดือนก่อน