ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)รายงานดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ (REPORT ON BUSINESS SENTIMENT INDEX)ในเดือนมกราคม 2565 ดัชนีฯ ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 47.2 จาก 49.0 ในเดือนก่อนหน้าจากองค์ประกอบด้านต้นทุน คำสั่งซื้อและปริมาณการผลิต/การค้า/การบริการ โดยการแพร่ระบาดของโควิดสายพันธุ์โอมิครอนที่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นรวดเร็วและกระจายทั่วประเทศ ส่งผลให้ความเชื่อมั่นของทุกธุรกิจ
ในภาคที่มิใช่การผลิตลดลง โดยเฉพาะกลุ่มโรงแรมและร้านอาหารที่ดัชนีฯ ลดลงจากองค์ประกอบด้านคำสั่งซื้อและการบริการเป็นสำคัญ

ขณะที่ภาคการผลิต ดัชนีฯ ค่อนข้างทรงตัวจากเดือนก่อน ความเชื่อมั่นด้านการลงทุนและการจ้างงานดีขึ้นเล็กน้อย โดยเฉพาะกลุ่มผลิตยานยนต์ที่การขาดแคลนชิ้นส่วนเซมิคอนดักเตอร์คลี่คลายลงสอดคล้องกับความเชื่อมั่นด้านการผลิตที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยขณะที่ความเชื่อมั่นด้านต้นทุนลดลงมาก โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจผลิตอาหารและเครื่องดื่มที่ความเชื่อมั่นด้านต้นทุนลดลงมาอยู่ในระดับต่ำมาก จากราคาปัจจัยการผลิตที่เพิ่มสูงขึ้น

ในอีก 3 เดือนข้างหน้า ดัชนีฯ ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 54.6 หลังจากที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง 4 เดือนติดต่อกัน จากการปรับลดลงในองค์ประกอบด้านผลประกอบการ ต้นทุนและปริมาณการผลิต/การค้า/การบริการ ดัชนีฯ ของธุรกิจส่วนใหญ่ยังอยู่เหนือระดับ 50 ยกเว้นกลุ่มอสังหาฯ ที่อยู่ต่ำกว่าระดับ 50 ต่อเนื่อง และกลุ่มผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ดัชนีฯ ลดลงมาอยู่ต่ำกว่า 50 อีกครั้ง จากความเชื่อมั่นด้านการผลิตที่ลดลงเนื่องจากปัญหาขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์และตู้คอนเทนเนอร์เป็นอุปสรรคต่อการผลิตและการขนส่ง

ดัชนีความเชื่อมั่นด้านสภาพคล่องทั้งในปัจจุบันและ 3 เดือนข้างหน้าลดลงเล็กน้อยตามความเชื่อมั่นด้านคำสั่งซื้อและต้นทุนที่ลดลงจากความกังวลต่อการแพร่ระบาดสายพันธุ์โอมิครอนและราคาปัจจัยการผลิตที่เพิ่มสูงขึ้นสัดส่วนของผู้ประกอบการที่กังวลต่อต้นทุนการผลิตสูงปรับเพิ่มขึ้นมากส่วนหนึ่งจากราคาน้ำมันและปัจจัยการผลิตหลายรายการที่เร่งสูงขึ้นประกอบกับยังคงประสบปัญหาขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์และเซมิคอนดักเตอร์ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ในอีก 12 เดือนข้างหน้าขึ้นมาอยู่ที่ 2.1% จาก 2.0% ในเดือนก่อน