นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) แถลงภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน(กกร.) ประกอบด้วย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ส.อ.ท. และสมาคมธนาคารไทยประจำเดือนกุมภาพันธ์ว่ากกร.มีความกังวลต่อสถานการณ์เงินเฟ้อจากราคาสินค้าที่สูงขึ้นต่อเนื่องประกอบกับราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องจึงตัดสินใจปรับกรอบเงินเฟ้อทั่วไปปี 2565 เพิ่มเป็น 1.5-2.5% จากเดิม 1.2-2.0%โดยกกร.อยากให้รัฐบาลตรึงราคาสินค้า ราคาน้ำมัน ให้อยู่ในระดับเหมาะสม ล่าสุดราคาน้ำมันโลกมีแนวโน้มที่จะขยับไปถึง 100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลภายในไตรมาสแรกของปีนี้ (มกราคม-มีนาคม 2565)
“จากสถานการณ์ราคาสินค้าอุปโภค-บริโภค โดยเฉพาะหมวดอาหารสด และพลังงาน ที่ปรับตัวสูง ส่งผลต่อครองชีพประชาชน กกร.กังวลหนี้ครัวเรือน จึงขอเสนอภาครัฐดำเนินการ คือ ขอความร่วมมือตรึงราคาสินค้า ขอให้รัฐตรึงราคาพลังงาน ทั้งน้ำมัน โดยดีเซลไม่ควรเกิน 30 บาทต่อลิตร และตรึงก๊าซหุงต้ม” นายสุพันธุ์กล่าว
พร้อมกันนี้ กกร.ยังคงประมาณการเศรษฐกิจไทย(จีดีพี)ไว้ที่ 3-4.5% และการส่งออกไว้ที่ 3-4% เนื่องจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนไม่รุนแรง กระทบกิจกรรมเศรษฐกิจโลกไม่มากนัก การส่งออกของไทยจึงยังมีโอกาสปรับตัว แต่ต้องติดตามความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน เพราะอาจส่งผลด้านลบต่อเศรษฐกิจโลกและประเทศไทย
และเพื่อสนับสนุนภาคการท่องเที่ยวไทยให้ฟื้นตัวอยากให้ภาครัฐอำนวยความสะดวกในการเดินทางเข้าไทย โดยปรับมาตรการเทสต์แอนด์โก ให้กลับไปใช้เกณฑ์เดิมที่ใช้ช่วงก่อนปีใหม่ เพื่อส่งเสริมบรรยากาศท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม จะพบว่าการตัดสินใจยกเลิกเทสต์แอนด์โกชั่วคราวของคณะกรรมการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ในช่วงที่ผ่านมาไม่ถูกต้อง เพราะตัวเลขนักท่องเที่ยวลดลงกว่า 50% ขณะที่สถานการณ์ไม่รุนแรง ดังนั้น อยากเสนอให้กกร.เข้าร่วมประชุมศบค.ด้วย
จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลผ่านโครงการคนละครึ่ง เฟส 4 คนละ 1,200 บาท ถือเป็นมาตรการที่ดีแต่อยากให้เพิ่มเป็น 1,500 บาทขึ้นไป เพราะวงเงินนี้จะกระตุ้นได้มากกว่า นอกจากนี้อยากให้เพิ่มวงเงินมาตรการช้อปดีมีคืน จาก 30,000 บาทเป็น 100,000 บาท และขยายเวลาจากสิ้นมาตรการวันที่ 15 กุมภาพันธ์นี้เป็นสิ้นปี 2565
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยกล่าวว่าวันที่ 4 กุมภาพันธ์นี้ จะเข้าหารือกับนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เพื่อหามาตรการกระตุ้นกำลังซื้อเพิ่มเติม โดยเฉพาะการขยายเวลาโครงการช้อปดีมีคืนที่จะสิ้นสุดวันที่ 15 กุมภาพันธ์ เนื่องจากโครงการเริ่มช้า ระยะเวลาน้อย ทำให้ยอดการใช้จ่ายน้อยจากที่ภาคเอกชนพยายามเสนอปรับเปลี่ยนโครงการจากยิ่งใช้ยิ่งได้มาเป็นช้อปดีมีคืนตั้งแต่ช่วงเดือนธันวาคมที่ผ่านมา รวมทั้งเสนอเพิ่มวงเงินโครงการคนละครึ่ง เพราะวงเงินปัจจุบัน 1,200 บาท ประชาชนมองว่า ยังน้อยเกินไป ซึ่งเป็นโครงการที่กระตุ้นใช้จ่ายได้จริง อาจจะหารือว่า กลับมาเป็นวงเงิน 1,500 บาทได้หรือไม่
“โครงการคนละครึ่ง และช้อปดีมีคืนส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ เพราะช่วยกระตุ้นกลุ่มคนกำลังซื้อสูงออกมาใช้จ่ายจะทำให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ แต่จะขยายออกไปกี่เดือนขอไปหารือกับรมว.การคลังก่อนว่า ยอดใช้จ่ายในโครงการมีแค่ไหน ส่วนราคาสินค้า ยอมรับว่า ตอนนี้เริ่มทยอยๆ ขึ้นบ้าง แต่ไม่มาก เพราะมีกลไกตลาดในเรื่องการแข่งขันสูง ถ้าใครขึ้นสูงเกินไป ก็จะไม่สามารถขายได้” นายสนั่นกล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี