พาณิชย์ชี้ดีเซลกระทบต้นทุนน้อย
สั่งตรึงราคาสินค้า
ขอผู้ผลิตให้ความร่วมมือ
ห้ามร้านค้าฉวยขึ้นราคา
จ่อจัดโครงการช่วยปชช.
กระทรวงพาณิชย์โดยกรมการค้าภายในวิเคราะห์“น้ำมันดีเซล”กระทบต้นทุนการผลิตสินค้า พบปรับเพิ่มขึ้นไม่มาก อาหาร เครื่องดื่มแค่ 1.45% ของใช้ประจำวัน 1.1% วัสดุก่อสร้าง 1.2% ปัจจัยเกษตร 0.5% ห้ามร้านค้าอ้างเหตุผลปรับขึ้นราคา ขอความร่วมมือผู้ผลิตให้ตรึงราคาไปก่อน ยันไม่มีนโยบายให้ปรับขึ้นราคาช่วงนี้ พร้อมเชิญ ส.อ.ท. สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมาคมการค้า ผู้ผลิตสินค้า ผู้ประกอบการ มาหารือรายกลุ่ม ติดตามสถานการณ์ เผยเตรียมจัดโครงการลดภาระค่าครองชีพให้ประชาชน
เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธฺ 2565 นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์เปิดเผยว่า กรมการค้าภายในได้ทำการวิเคราะห์ผลกระทบต้นทุนน้ำมันดีเซลต่อต้นทุนการผลิตสินค้า ตามที่ได้รับการสั่งการจาก นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ โดยได้ทำการวิเคราะห์ต้นทุนน้ำมันดีเซลที่ 25 บาทต่อลิตร เพิ่มเป็น 30 บาทต่อลิตร พบว่ามีผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตสินค้าไม่มาก จึงไม่ใช่เหตุผลที่ผู้ผลิตจะใช้ในการปรับขึ้นราคา และได้ขอความร่วมมือให้ตรึงราคาสินค้าไปก่อน
โดยผลการวิเคราะห์ เช่น สินค้าหมวดอาหารและเครื่องดื่ม มีต้นทุนเพิ่มขึ้น 1.45% ของใช้ประจำวัน เพิ่ม 1.1% วัสดุก่อสร้าง เพิ่ม 1.2% กระดาษและผลิตภัณฑ์ เพิ่ม 5% ปัจจัยการเกษตร เช่น ปุ๋ยเคมี ยาปราบศัตรูพืช เพิ่ม 0.5% เป็นต้น
นายวัฒนศักย์กล่าวว่า กรมฯได้ติดตามดูแลสถานการณ์ราคาน้ำมันอย่างใกล้ชิดและเห็นว่ารัฐบาลได้เข้ามาดูแลราคาน้ำมันดีเซลอยู่แล้ว ไม่น่าที่จะปรับเพิ่มขึ้น คงจะอยู่ในระดับ30บาทต่อลิตรซึ่งทำให้ต้นทุนสินค้าไม่ปรับเพิ่มไปมากกว่านี้ จึงเบาใจในเรื่องต้นทุนน้ำมัน ที่จะกระทบต่อต้นทุนการผลิตสินค้า ส่วนต้นทุนในด้านการขนส่ง กรมฯได้มีการติดตามเช่นเดียวกัน พบว่า มีผลกระทบมากน้อยต่างกัน แล้วแต่ชนิดสินค้า แต่โดยภาพรวม ไม่มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ
อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการดูแลราคาสินค้า ไม่ให้ส่งผลกระทบกับผู้บริโภค กรมฯได้เชิญสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมาคมการค้า ผู้ผลิตสินค้า ผู้ประกอบการ มาหารือเป็นรายกลุ่มสินค้าแล้ว เพื่อประเมินสถานการณ์สินค้าแต่ละรายการแล้วและได้แจ้งขอความร่วมมือในการตรึงราคาสินค้า เพราะกระทรวงพาณิชย์ไม่มีนโยบายให้ปรับขึ้นราคาในช่วงนี้ ยกเว้นผู้ผลิตไม่สามารถแบกรับภาระต้นทุนได้จริง ก็จะพิจารณาเป็นรายๆไปโดยมีหลัก คือ ผู้บริโภคต้องไม่เดือดร้อนจนเกินไปและผู้ผลิตต้องอยู่ได้
นายวัฒนศักย์ กล่าวว่า สำหรับแนวโน้มราคาสินค้าพบว่าหลายรายการมีแนวโน้มปรับตัวลดลง เช่น ปุ๋ยเคมี ซึ่งเป็นต้นทุนสำคัญในการทำการเกษตร โดยราคาแม่ปุ๋ยยูเรีย ลดลง 17% จากราคาในเดือนธันวาคม.2564 อยู่ที่ 953 เหรียญสหรัฐต่อตัน เหลือ 790 เหรียญสหรัฐต่อตัน ฟอสเฟต ลดลง 5% จากราคา 908 เหรียญสหรัฐต่อตัน เหลือ 859 เหรียญสหรัฐต่อตัน ส่วนโปรแตช เพิ่มขึ้น 8% จาก665 เหรียญสหรัฐต่อตัน เป็น 724 เหรียญสหรัฐต่อตัน แต่ที่ใช้เยอะ ก็คือยูเรีย ซึ่งจะทำให้แนวโน้มราคาปุ๋ยในประเทศปรับตัวลดลง
ขณะที่สินค้าในกลุ่มอุปโภคบริโภค ได้ขอความร่วมมือผู้ผลิตให้ตรึงราคาได้แล้วหลายกลุ่ม เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า น้ำอัดลม บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ซอสปรุงรส นมและผลิตภัณฑ์จากนม อาหารกระป๋อง ส่วนอาหารสดเช่นไข่ไก่ เนื้อไก่และเนื้อหมู ที่ล่าสุด หลังจากตรึงราคาหน้าฟาร์ม ส่งผลให้ราคาทรงตัว และปัจจุบันเริ่มปรับตัวลดลงแล้ว
ส่วนการปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม กรมฯได้ติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด เบื้องต้น ประเมินว่าหากมีการปรับขึ้นจริงก็ส่งผลกระทบต่อต้นทุนในการทำอาหารปรุงสำเร็จไม่มาก ต้นทุนเพิ่มขึ้นต่อจาน/ชาม แค่หลักสตางค์ แต่ตอนนี้ ยังไม่มีการปรับขึ้นก็ขอแจ้งเตือนไปยังผู้ค้า อย่าใช้เป็นเหตุผลในการปรับขึ้นราคา
อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวอีกว่านอกจากนี้กรมฯยังมีแผนที่จะประสานงานไป ยังซับพลายเออร์ เพื่อให้จัดส่งสินค้าอุปโภคบริโภคต้นทุนถูกเช่นของใช้ส่วนบุคคล สบู่ แชมพู ยาสระผม ผงซักฟอก น้ำยาล้างจาน เป็นต้น ให้กับร้านค้าธงฟ้าที่มีอยู่1.3แสนราย เพื่อนำไปจำหน่ายต่อให้กับผู้บริโภค และช่วยลดภาระค่าครองชีพ รวมทั้งกำลังพิจารณาจัดจำหน่ายสินค้าราคาถูก เพื่อแทรกแซงตลาดตามความจำเป็น หากพบว่าสินค้ากลุ่มใดมีราคาปรับตัวสูงขึ้น หลังจากที่ได้รับงบประมาณกลางจากรัฐบาล ในการจัดทำโครงการลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี