อาวดี้ ประเทศไทย เปิดตัวปลั๊กอินไฮบริด เจเนอเรชั่นล่าสุด Q7 60 TFSI e quattro S line Black Edition และ Audi Q8 60 TFSI e quattro S line Black Edition พรีเมียม SUV พร้อมเพิ่มออพชั่นพิเศษ และการรับประกันแบตเตอรี่นาน 8 ปี หรือ 160,000 กม.

Audi Q7 60 TFSI e quattro S line Black Edition และ Audi Q8 60 TFSI e quattro S line Black Edition ภายนอกตกแต่งด้วยชุดแต่งS line พร้อมอัพเกรดการตกแต่งเป็นแบบ Black Edition เปลี่ยนคิ้วโครเมียมรอบคันเป็นสีดำ และฝาครอบกระจกมองข้างสีดำ ล้ออัลลอยลายใหม่ ขนาด 21 นิ้วพร้อมคาลิปเปอร์เบรกสีแดง ระบบไฟหน้ามีให้เลือกทั้งแบบไฟหน้า LED และไฟหน้า matrix LED สามารถปรับแสงปิด LED บางดวงอัตโนมัติ พร้อมไฟเอฟเฟกท์ Light staging เมื่อปลดล็อก

ในรุ่น Audi Q7 60 TFSI e quattro S line Black Edition ภายในเพิ่มอุปกรณ์การตกแต่งเป็นแบบ S line Interior พวงมาลัยท้ายตัด เบาะนั่งพร้อมตราสัญลักษณ์ S line ส่วนในรุ่น Audi Q8 60 TFSI e quattro S line Black Edition เบาะนั่งคู่หน้าแบบ Super Sport ลาย Diamond Cut ในแบบฉบับ RS Full Bucket Seat วัสดุหุ้มหนัง Valcona พวงมาลัย Multi-function แบบสปอร์ตท้ายตัด ระบบ MMI Navigation plus พร้อม MMI touch ขนาด 10.1 นิ้ว และจอควบคุม multi-function แบบสัมผัส พร้อมตอบสนองการสั่งงาน (haptic feedback) ขนาด 8.6 นิ้ว Paddle shift จอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ Virtual cockpit ขนาด 12.3 นิ้ว รวมทั้งระบบเครื่องเสียง Bang & Olufsen พร้อมระบบเสียง 3 มิติ 17 ตำแหน่ง 730 วัตต์ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 3 โซน และเพิ่มฟังก์ชั่นเปิดแอร์ได้ขณะดับเครื่อง (Stationary Air-conditioning) ช่วงล่างระบบถุงลม (Adaptive air suspension)ในรุ่น Audi Q7 และช่วงล่างระบบถุงลมแบบ Sport ในรุ่น Audi Q8

เทคโนโลยีขุมพลังปลั๊กอินไฮบริด เจเนอเรชั่นล่าสุด ทั้ง Audi Q7 60 TFSI e quattro S line Black Editionและ Audi Q8 60 TFSI e quattro S line Black Edition มาพร้อม Dynamic Badge ตราสัญลักษณ์ “60 TFSI e” ด้านท้ายรถ โดยในส่วนของเครื่องยนต์สันดาป เป็นเครื่องยนต์ V6 เทอร์โบ ขนาด 2,995 ซีซี 340 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร ทำงานควบคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังได้ถึง 136 แรงม้า และแรงบิด 400 นิวตัน-เมตร เมื่อผสานการทำงานกันจะให้พละกำลังจากระบบขับเคลื่อนสูงสุดถึง 462 แรงม้า 700 นิวตันเมตร นับเป็นรถยนต์พรีเมียมเอสยูวี ปลั๊กอินไฮบริด ที่มีพละกำลังสูงสุดในตลาดประเทศไทยในปัจจุบัน สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. เพียง 5.4 วินาที และความเร็วสูงสุด 240 กม./ชม.

สำหรับแบตเตอรี่ลิเธียม-อิออนแรงดันสูง มีความจุ 17.9 กิโลวัตต์ รองรับการชาร์จได้สูงสุดถึง 7.4 กิโลวัตต์/ชั่วโมง สามารถชาร์จแบตเตอรี่เต็มได้ภายใน 2.5 ชั่วโมง แบตเตอรี่ถูกบรรจุไว้ในบริเวณที่เก็บสัมภาระท้ายรถ ซึ่ง Audi ได้ออกแบบแบตเตอรี่ให้มีขนาดเล็ก ทำให้พื้นที่เก็บสัมภาระยังคงมีขนาดความจุสัมภาระสูงมากถึง505 ลิตร ในรุ่น Audi Q8 และ 650 ลิตรใน Audi Q7ซึ่งทั้ง 2 รุ่น สามารถขับด้วยไฟฟ้าล้วนได้มากกว่า 40 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง

Audi ปลั๊กอินไฮบริด แบตเตอรี่เจเนอเรชั่นล่าสุดนี้สามารถเปลี่ยนอะไหล่และแบตเตอรี่แยกย่อยเป็นแต่ละโมดุลได้ ทำให้ค่าบำรุงรักษาเมื่อแบตเตอรี่หมดระยะรับประกัน หรือหากจะเปลี่ยนคันใหม่ Resell value ราคาก็จะไม่ลดมูลค่าลง นอกจากนี้ยังมาพร้อมระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าและปลั๊กอินไฮบริด e-tron mode โดยมีให้เลือกทั้งหมด 4 โหมด ได้แก่ EV (electric driving), Auto Hybrid (intelligent use of battery charge), Battery Hold (maintain battery charge) และ Battery Charge (increase battery charge)

สำหรับราคาจำหน่าย Q7 60 TFSI e quattro S line Black Edition (LED Headlight) ราคา 4,799,000 บาท Q7 60 TFSI e quattro S line Black Edition (Matrix LED Headlight) ราคา 4,899,000 บาท และ Q8 60 TFSI e quattro S line Black Edition ราคา 5,799,000 บาท โดยมาพร้อมการรับประกันแบตเตอรี่แรงดันสูง 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน และบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน Roadside Assistance ทั่วประเทศ 24 ชั่วโมง นาน 5 ปี