นายสักกะภพ พันธ์ยานุกุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหาภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องและคาดว่าจะกลับสู่ระดับ Pre-Covid ในช่วงต้นปี 2566 อย่างไรก็ดีการระบาดยังมีความไม่แน่นอน ขณะเดียวกันการฟื้นตัวในหลายสาขาธุรกิจมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น แต่ยังมีความแตกต่างกันและยังต้องติดตามการฟื้นตัวของการจ้างงานและรายได้ ในส่วนของการระดมทุนผ่านสินเชื่อและตราสารหนี้ขยายตัวตามความต้องการเงินทุนของภาคธุรกิจจากแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น

สำหรับในปี 2565 นี้ อัตราเงินเฟ้อ มีแนวโน้มสูงขึ้น และมีความเสี่ยงสูงมากขึ้น โดยอาจสูงกว่ากรอบเป้าหมายในช่วงแรกของปีแต่โดยรวมทั้งปียังต่ำกว่า 3% ส่วนการเพิ่มของราคาสินค้ายังไม่ได้กระจายตัวเป็นวงกว้าง ขณะที่การเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันมีผลกระทบสูงกว่าหมวดอื่นจากสัดส่วนการบริโภคและราคาที่สูง

ด้าน นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน กล่าวว่า     แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 2565 นี้ สถานการณ์การแพร่ระบาดจะดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจไทยดีขึ้น ส่งผลให้เกิดการลงทุนในด้านต่างๆ โดยเฉพาะการลงทุนในระบบโครงสร้างพื้นฐาน จะทำให้การลงทุนในการพัฒนาและการลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์เพิ่มมากขึ้น และทำให้เศรษฐกิจโต ซึ่งเชื่อมั่นว่าสัญญาณการเติบโตจะเป็นบวก ดัชนีชี้วัดทางเศรษฐกิจหลายตัวฟื้นขึ้นมาอยู่ในโซนบวก หลังจากไทยกลับมาเปิดประเทศอย่างสมบูรณ์อีกครั้ง นักท่องเที่ยวต่างชาติทยอยปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ ทำให้เกิดความมั่นใจว่านักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเดินทางเข้าไทยในปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมายซึ่งคาดว่าจะมีจำนวนกว่า 5-7 ล้านคน

อย่างไรก็ตามความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในอีก6เดือนข้างหน้าจากนี้ จะมีความมั่นใจมากขึ้นแต่สิ่งหนึ่งที่เข้ามาในช่วงนี้ คือ ความเป็นห่วงในเรื่องเงินเฟ้อ ที่กระทบต่อผู้บริโภค ต่อภาคเอกชน ตรงนี้รัฐบาลต้องดูแล ปัจจุบันอยู่ใน 1-3% สินค้าราคาต่างๆได้มีตรวจสอบ และทำให้ราคาสินค้าลดลง ส่วนราคาพลังงานต้องติดตามอย่างต่อเนื่องแต่รัฐบายเอง มีนโนบายในการรักษาเสถียรภาพให้อยู่รอด ส่วนมาตรการสนับสนุนภาคอสังหาริมทรัพย์ เช่น ลดค่าธรรมเนียมต่างๆ การโอนเหลือ 0.01% ได้ดำเนินการไปแล้ว เป็นต้น