นางสาวจันต์สุดา ธนานิตยะอุดมผู้อํานวยการฝ่ายการตลาดและพันธมิตรทางธุรกิจ และผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจแกร็บมาร์ท แกร็บ ประเทศไทย เปิดเผยผลดำเนินงาน “แกร็บมาร์ท” (GrabMart) หรือบริการสั่งซื้อสินค้าจากซูเปอร์มาร์เก็ตและร้านสะดวกซื้อแบบออนดีมานด์ว่าหลังเปิดให้บริการมาเกือบ 2 ปี พบว่า ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะสามารถตอบโจทย์ผู้ใช้บริการในยุคปัจจุบันที่ต้องการสั่งซื้อสินค้าหรือของใช้ในชีวิตประจำวันแบบจัดส่งได้ทันที ไม่ต้องรอข้ามวัน โดยเฉพาะในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ผู้คนหลีกเลี่ยงการออกนอกบ้าน ทำให้บริการแกร็บมาร์ทกลายเป็นทางเลือกใหม่ที่ช่วยอำนวยความสะดวกมากยิ่งขึ้น

ปัจจุบันแกร็บมาร์ทมีสินค้าให้บริการมากกว่า 100,000 รายการและมีร้านค้าพันธมิตรที่จำหน่ายสินค้าผ่านแพลตฟอร์มของเรารวมกว่า 13,000 สาขา โดยในปีนี้ แกร็บมาร์ท มีแผนเพิ่มร้านค้าพันธมิตรรายใหม่ๆ เข้ามาเสริมทัพเพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ใช้บริการ พร้อมเพิ่มสินค้าให้มากขึ้น ล่าสุดได้ผนึกพันธมิตรกับสองรีเทลชั้นนำอย่าง บิ๊กซี (Big C) และ กูร์เมต์มาร์เก็ต (Gourmet Market) ซึ่งเป็นผู้นำในกลุ่มสินค้าประเภทของสด ทั้งยังเตรียมจับมือกับพันธมิตรใหม่ในกลุ่มบิวตี้สโตร์มัลติแบรนด์เสริมทัพ 14 พันธมิตรเดิม อาทิ บูทส์ บิวเทรี่ยมและมัทสึโมโตะ คิโยชิ เพื่อสร้างความหลากหลายและตอบโจทย์ความต้องการของผู้หญิง

“หนึ่งในกลุ่มผู้ใช้บริการที่มีศักยภาพและมีกำลังซื้อสูงคือ กลุ่มผู้หญิงยุคใหม่ ซึ่งมีจำนวนเพิ่มขึ้นกว่า 130% ในปีที่ผ่านมา และมีอัตราการซื้อสินค้าอย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะในกลุ่มของสดของชำและสินค้ากลุ่มสุขภาพและความงามดังนั้น ในปีนี้ แกร็บจึงให้ความสำคัญกับผู้ใช้บริการกลุ่มนี้เป็นหลักโดยเตรียมวางกลยุทธ์เพื่อเจาะกลุ่มผู้หญิงที่มีอายุระหว่าง 25 - 54 ปีซึ่งคิดเป็น 22.8% ของจำนวนประชากรไทย”นางสาวจันต์สุดา กล่าว