รศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ อดีตกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สภาวิจัยแห่งชาติ สาขาเศรษฐศาสตร์ และ อดีตรองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการ ม.รังสิตแสดงความเห็นว่าผลกระทบสงครามรัสเซีย-ยูเครนทำให้พื้นที่การผลิตข้าวสาลีได้รับความเสียหาย และ ไม่สามารถทำการเพาะปลูกได้ รวมทั้งไม่สามารถส่งออก โดยรัสเซียกับยูเครนเป็นสองประเทศที่มีมูลค่าการส่งออกข้าวสาลีประมาณ 25-30% ของมูลค่าการค้าข้าวสาลีทั่วโลกทำให้ประเทศนำเข้าข้าวสาลีอย่างไทย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อียิปต์ โมร็อกโก และเลบานอน ได้รับผลกระทบ
ขณะที่ราว 1 ใน 4 ของแร่ธาตุสำคัญที่ใช้ในการผลิตอาหารในยุโรปมาจากรัสเซีย การแสวงหาแหล่งวัตถุดิบเพิ่มเติมเพื่อผลิตปุ๋ยให้เพียงพอกับความต้องการในระยะเวลาที่สั้นเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ต้นทุนในการเพาะปลูกของเกษตรกรจะพุ่งสูงขึ้น
รศ.ดร.อนุสรณ์ ประเมินสถานการณ์สงครามรัสเซียยูเครนว่า จะส่งผลกระทบต่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและโครงการก่อสร้างใหญ่ๆต่างๆของรัฐบาลไทย ทำให้ต้นทุนของภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์สูงขึ้นจากการเพิ่มขึ้นของราคาวัสดุก่อสร้าง ผลิตภัณฑ์เหล็กประเภทต่างๆ อาจมีผลทำให้โครงการก่อสร้างบางส่วนต้องชะลอลงเนื่องจากมีปัญหาการขาดแคลนผลิตภัณฑ์เหล็กประเภทต่างๆ และสต๊อกผลิตภัณฑ์ในประเทศไทยอยู่ในระดับต่ำ
“ขณะเดียวกันได้เกิดภาวะขาดแคลนสินค้าหลายชนิดทั่วโลกไม่เฉพาะในพื้นที่สงครามอย่างยูเครน
และรัสเซียที่ถูกคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจเท่านั้น เช่น การขาดแคลนก๊าซธรรมชาติเหลว LPG และ LNG และราคาพุ่งสูงในหลายประเทศ ซึ่งภาวะดังกล่าวทำให้กระทรวงพลังงานของไทยไม่สามารถชดเชยและอุดหนุนราคาได้เหมือนเดิมอีกต่อไปและต้องปล่อยให้ลอยตัว ราคาก๊าซ LPG และ LNG ที่พุ่งสูงนี้จะกระทบต่อประชาชนทั่วไปที่ต้องใช้ก๊าซนี้ในการ
หุงต้มและประกอบอาหาร” รศ.ดร.อนุสรณ์ กล่าว
“การสู้รบจะเกิดผลกระทบต่ออุตสาหกรรมก่อสร้างและอุตสาหกรรมที่ใช้เหล็กเป็นวัตถุดิบทั้งหมดทั่วโลกและไทย และจะเกิดปัญหาการขาดแคลนเหล็กรุนแรงในระยะต่อไป เนื่องจากแหล่งผลิตและส่งออกเหล็กแหล่งอื่นๆ ไม่สามารถชดเชยแหล่งผลิตรัสเซียและยูเครนได้ในระยะสั้นและระยะกลาง ส่งผลกระทบต่อทั้งตลาดสินค้าเหล็ก และห่วงโซ่อุปทานวัตถุดิบสำหรับการผลิตสินค้าเหล็กทั่วโลก ทำให้ผู้ผลิตและใช้เหล็กต่างเร่งปรับตัวหาแหล่งวัตถุดิบอื่นทดแทนรัสเซีย และยูเครนเป็นประเทศผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่อันดับ 5 และ 12 ของโลก สินค้าเหล็กจากทั้งรัสเซีย และยูเครนมีส่วนแบ่งตลาดราว 14% ของการส่งออกสินค้าเหล็กของทั้งโลก” รศ.ดร.อนุสรณ์ กล่าว
โดยรัสเซียเป็นประเทศ ที่ส่งออกสินค้าเหล็กมากสุดเป็นอันดับ 3 ของโลก (รองจากจีนและญี่ปุ่น) ขณะที่ยูเครนเป็นประเทศส่งออกสินค้าเหล็กอันดับ 8 ของโลกมีการส่งออกสินค้าเหล็ก จากรัสเซีย 30 ล้านตัน และยูเครนเกือบ 16 ล้านตัน ดังนั้น เหมืองแร่ และโรงงานเหล็กหลายแห่งในยูเครนต้องหยุดหรือลดการผลิต เช่น ในเมืองท่า Mariupol เมือง Zaporizhstal เป็นต้น ไทยนั้นนำเข้าเหล็กจากรัสเซียและยูเครนประมาณ 6-7% ซึ่งก็สามารถชดเชยโดยนำเข้าจากจีนแทน อย่างไรก็ตาม ต้นทุนและราคาจะสูงขึ้นเพราะขณะนี้จีนก็มีการควบคุมการผลิตและอาจขึ้นภาษีการส่งออกเพราะความต้องการในประเทศก็สูงเช่นเดียวกัน
นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยว่า สำหรับการสู้รบระหว่างรัสเซีย-ยูเครน มองว่าไม่ผลกระทบต่อการนำเข้า-ส่งออกของไทย เพราะเอกชนยังมีออเดอร์ปกติ หากสถานการณ์ยืดเยื้ออาจต้องประเมินอีกครั้ง โดยเฉพาะเรื่องของชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และการผลิตชิพยานยนต์ที่ขาดแคลนมาตั้งแต่ก่อนเกิดโควิด-19 ระบาด ซึ่งอาจถูกกระทบได้ ยืนยันว่าสงครามรัสเซีย-ยูเครน ไม่กระทบการจัดเก็บรายได้กรมศุลกากร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี