นายวรวุฒิ กาญจนกูล นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน เปิดเผยถึงแนวโน้มธุรกิจรับสร้างบ้าน ปี 2565 ว่า ภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านมีสัญญาณที่เป็นบวกในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2564 จากยอดการจองปลูกสร้างบ้านในงานรับสร้างบ้านและวัสดุ Expo 2021 ที่จัดขึ้นเมื่อปลายเดือนพ.ย. 2564 พบยอดเติบโตขึ้นกว่าปีก่อนถึง 20% จนมาถึงช่วงเดือนม.ค. – ก.พ. 2565 ยังมีผู้บริโภคที่ต้องการปลูกสร้างบ้านติดต่อมายังบริษัทที่เป็นสมาชิกของสมาคมฯ อย่างต่อเนื่อง ทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑลและต่างจังหวัด

อย่างไรก็ดี ในภาพรวมยังต้องจับตามองปัจจัยต่าง ๆ ที่คาดว่าจะส่งผลต่อต้นทุนบ้าน ทั้งวิกฤตสงครามของประเทศรัสเซียและยูเครน ต้นทุนราคาน้ำมัน ว่าจะปรับขึ้นไปถึงระดับที่ส่งผลโดยตรงต่อราคาบ้าน ค่าแรงที่มีแนวโน้มปรับขึ้น ราคาวัสดุก่อสร้าง ปัญหาเงินเฟ้อ และทิศทางดอกเบี้ย

“จากที่กล่าวมาจะพบว่ามี 2-3 ปัจจัยที่ต้องเกาะติดสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เช่น การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 492 บาท มองว่า ในปัจจุบันค่าแรงที่แรงงานได้รับส่วนใหญ่ก็ได้สูงกว่าขั้นต่ำอยู่แล้ว ในบางเคสที่ต้องใช้แรงงานทักษะสูงจะอยู่ที่ 500-700 บาทต่อวัน ส่วนแรงงานที่แม้ไม่มีทักษะก็จะอยู่ที่ 331 บาท ซึ่งหากมีการปรับเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำย่อมมีผลให้ค่าแรงต้องยกขึ้นทั้งระบบและจะส่งผลต่อราคาบ้านในอนาคตได้ นอกจากนี้ ยังพบการขาดแคลนแรงงานให้เห็นบ้างแล้ว ส่วนหนึ่งเพราะต่างประเทศเริ่มใช้นโยบายนำเข้าแรงงานโดยมีคนไทยเป็นเป้าหมายแรก ๆ”

ในส่วนของสมาคมฯ ประเมินว่า การขึ้นค่าแรงหากไม่เกิน 10-15% จะไม่ส่งผลกระทบมากนักต่อต้นทุนการสร้างบ้าน แต่หากปรับค่าแรงขึ้นถึง 30-40% จะส่งผลค่อนข้างมาก ซึ่งได้มีการเตรียมแผนรับมือไว้ในหลายส่วนด้วยกัน