นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง และนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง พร้อมด้วยนายรักษ์ วรกิจโภคาทรกรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) ให้การต้อนรับพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และนำชมนิทรรศการ “การเดินทางของธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งประเทศไทย...BCG Journey” ของ EXIM BANK ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2565
นายรักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK กล่าวว่า จากแนวนโยบายรัฐบาลโดย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เดินหน้ายุทธศาสตร์การขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศไทยด้วยโมเดลเศรษฐกิจ BCG (Bio-Circular-Green Economy) หรือเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว เพื่อปรับโครงสร้างเศรษฐกิจให้แข็งแกร่ง รองรับความผันผวนของเศรษฐกิจโลก การปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีเป็นดิจิทัล และการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมของโลก EXIM BANK ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง ได้เข้ามาเป็นกลไกสำคัญของรัฐบาลในการสนับสนุนแผนยุทธศาสตร์ให้เกิดผลสำเร็จเป็นรูปธรรม สอดคล้องกับวัตถุประสงค์การจัดตั้ง EXIM BANK เพื่อประกอบธุรกิจอันเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนการส่งออก การนำเข้า และการลงทุน เพื่อการพัฒนาประเทศ นับแต่เปิดดำเนินการในปี 2537
ต่อมาในปี 2542 ได้แก้ไขเพิ่มเติมวัตถุประสงค์ให้ EXIM BANK สนับสนุนการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ เพื่อให้ได้มาซึ่งเงินตราต่างประเทศได้มากขึ้น และในปี 2561 ได้ขยายขอบเขตการให้บริการประกันความเสี่ยงทางการค้าและการลงทุนแก่ผู้ประกอบการไทย ส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยที่มีศักยภาพสามารถเข้าไปรับงานหรือขยายฐานการค้าการลงทุนในต่างประเทศได้มากขึ้น
ตลอดระยะเวลากว่า 28 ปีที่ผ่านมา EXIM BANK จึงได้ดำเนินธุรกิจโดยมุ่งมั่นร่วมสร้างความยั่งยืนของโลกภายใต้กรอบแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน มุ่งช่วยเหลือและสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยแข่งขันได้ในเวทีโลก แม้ในสถานการณ์ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจและการเมืองระหว่างประเทศ รวมถึงการบังคับใช้มาตรการต่างๆ ของประเทศคู่ค้าและมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมในโลกการค้ายุคใหม่
อีกทั้งยังมีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือ เยียวยา และฟื้นฟูธุรกิจไทย โดยทำหน้าที่ “เครื่องยนต์รุ่นใหม่” ผลักดันการพัฒนาประเทศไทยในมิติเศรษฐกิจเชื่อมโยงกับสังคมและสิ่งแวดล้อม ด้วยนโยบาย Dual-track Policy ชูบทบาท “ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งประเทศไทย” ควบคู่กับการเป็น “ศูนย์บริการครบวงจรเพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้าระหว่างประเทศให้แก่ SMEs
EXIM BANK พร้อม “รับความเสี่ยง” มากกว่าธนาคารพาณิชย์ “ให้กำเนิดอุตสาหกรรมใหม่”โดยสนับสนุนโครงการลงทุนในอุตสาหกรรมสู่อนาคตและ “หนุนทุนไทยไปต่างแดน” ทั้งด้านการค้าและลงทุนระหว่างประเทศ ตลอดจนดำเนินภารกิจ “ซ่อมสร้าง เสริม และสานพลัง” การพัฒนาภาคอุตสาหกรรมตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำตลอด Supply Chain
นายรักษ์กล่าวว่าที่ผ่านมาให้การสนับสนุนด้านการเงินแก่ธุรกิจ BCG ไปแล้วประมาณ 30% ของพอร์ตสินเชื่อรวมของธนาคารหรือประมาณ 50,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการสนับสนุนสินเชื่อโครงการพลังงานทดแทนทั้งในประเทศและต่างประเทศ มูลค่าเงินลงทุนรวมกว่า 3.7 แสนล้านบาท ลดการปล่อยคาร์บอนในอากาศมากกว่า 100 ล้านตันEXIM BANK ตั้งเป้าหมายจะขยายสินเชื่อที่ให้แก่ธุรกิจ BCG เป็น 100,000 ล้านบาท ภายในปี 2570 เพื่อร่วมกับประชาคมโลกลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ โดยประเทศไทยตั้งเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ภายในปี 2608
นอกจากนี้ ยังร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องส่งเสริมให้ Smart Farmers มีการเพาะปลูกแบบ Organic และพัฒนาระบบ Zero Waste สามารถนำกากของเสียจากโรงงานกลับเข้าสู่กระบวนการผลิต เพื่อหมุนเวียนใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด และผันตัวเป็นผู้ส่งออกในที่สุด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี