นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่าเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันยังประสบปัญหาหลายอย่าง เช่น โควิดที่ยังระบาดอยู่ และมีมาตรการหลายอย่างที่ทำให้เดินหน้าเศรษฐกิจได้ไม่เต็มที่ ควรเร่งฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นทั่วประเทศให้เกิน 70% แล้วประกาศให้เป็นโรคประจำถิ่นโดยเร็ว หากเป็นไปได้ควรประกาศหลังสงกรานต์นี้ เพราะเราพึ่งพิงทั้งการท่องเที่ยว การค้า การลงทุนกับต่างชาติ การประกาศให้เป็นโรคประจำถิ่นได้เร็วจะช่วยเรียกความเชื่อมั่น นอกจากนี้เรายังได้รับผลกระทบทางอ้อมจากปัญหาความขัดแย้งระหว่างประเทศ ทำให้สินค้าราคาแพงขึ้นแม้ว่ารัฐบาลจะช่วยลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มกำลังซื้อให้ประชาชนบ้างแล้ว แต่ยังไม่พอ และอาจจะไม่ทันต่อภาวะเศรษฐกิจช่วงนี้
ทั้งนี้ ภาคเอกชนเห็นว่าการกระตุ้นกำลังซื้อภายในประเทศเป็นเรื่องสำคัญ โดยมาตรการคนละครึ่ง เฟส 4 กำลังจะหมดรอบ
ในเดือนเมษายนนี้ มีเม็ดเงินในระบบสะพัดแล้วกว่า 6.4 หมื่นล้านบาท ถือว่าเป็นมาตรการที่บรรเทาภาระค่าใช้จ่าย พร้อมเพิ่มกำลังซื้อให้ประชาชนได้จริง เชื่อว่า จะช่วยลดแรงกดดันที่ต้องขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ จากภาวะสินค้าราคาแพงได้อีกด้วย ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ก็ควรขยายเวลาการเก็บเต็มจำนวนออกไปก่อนเพื่อช่วยลดภาระให้ประชาชนในช่วงนี้
ส่วนการขยายเพดานหนี้สาธารณะจาก 60% เป็น 70% รัฐบาลควรเร่งดำเนินการเพื่อกู้เงินมากระตุ้นและพยุงเศรษฐกิจ เพราะขณะนี้เพดานหนี้ใกล้เต็ม 60% แล้วอีกทั้งเงินกู้เดิมก็เหลือประมาณ 7 หมื่นล้านบาท และตอนนี้ยังเป็นสถานการณ์ที่ไม่ปกติ การกู้เงินเพิ่มมากระตุ้นเศรษฐกิจจะช่วยทั้งการสร้างงาน สร้างรายได้ ลดภาระหนี้ เพื่อ Reboot เศรษฐกิจ และดูแลกลุ่มเปราะบาง เพื่อให้เกิดการฟื้นตัว เช่น มาตรการคนละครึ่ง เฟส 5 และขยายสิทธิ์เราเที่ยวด้วยกัน เป็นต้น
“ตอนนี้เครื่องจักรที่จะช่วยให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้ในปีนี้ คือการส่งออก ซึ่งการดูแลค่าเงินบาทและการอำนวยความสะดวก จะเป็นปัจจัยให้การส่งออกเดินหน้าได้ดีขึ้น” นายสนั่น กล่าว
หอการค้าฯ เชื่อว่า เศรษฐกิจไทยจะฟื้นแบบ K-Shaped โดยผลกระทบที่เกิดขึ้นนั้นคาดว่า SME จำนวน 1 ใน 5 จะไม่สามารถกลับมาดำเนินธุรกิจได้อีกครั้ง แต่เราคงช่วยเหลือทุกกลุ่มไม่ได้ จึงต้องมุ่งเป้าไปยังกลุ่มที่มีความจำเป็นเร่งด่วนก่อน กลุ่มธุรกิจที่อยู่ K ขาล่าง ที่ส่วนใหญ่เป็นกลุ่ม SME ต้องช่วยให้เขาไม่ลงไปมากกว่านี้ เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันของประเทศซึ่งจำเป็นต้องนำเอาเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาเสริมในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ให้เติบโตภายใต้แนวทาง 4 R คือ
1.Restart-สร้างใหม่ ประเทศจำเป็นต้องสร้างธุรกิจใหม่ๆ ต่อยอดจากธุรกิจเดิม โดยเฉพาะธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ BCG หรือ Startup ต้องสร้างสภาพแวดล้อมที่ดึงดูด และสร้างโอกาสในการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง
2.Reimagine-คิดใหม่ เพิ่มมูลค่า และสร้างความได้เปรียบ ต้องร่วมกันคิดรูปแบบBusiness Model ใหม่ เพื่อตอบสนองสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว หาโอกาสจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ส่งเสริมการนำ EV มาใช้ให้มากขึ้น หรือการนำ AI เข้ามาช่วยบริหารจัดการและวิเคราะห์ข้อมูลให้แม่นยำ
3.Recover-พลิกฟื้น เราต้องร่วมมือกันเพื่อประคองธุรกิจ รอโอกาสพลิกฟื้น เช่น การช่วยให้เข้าถึงแหล่งเงินทุน เสริมสภาพคล่อง
4.Reform-ตื่นตัว เพื่อให้ปรับเร็ว ทุกภาคส่วนต้องร่วมกันปฏิรูปการทำงานใหม่ โดยเฉพาะเรื่องระเบียบหรือกฎหมายที่ล้าสมัย ช่วยรัฐบาล Transform สู่ E-Government เช่น เรื่อง Ease of Doing Business เพื่อลดขั้นตอนที่ยุ่งยาก การลดขั้นตอนการเข้าประเทศ เป็นต้นเพื่อให้ประเทศแข่งขันได้มากยิ่งขึ้น ภาคธุรกิจเองก็ต้องนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อสร้างแต้มต่อให้ธุรกิจตัวเอง
การดำเนินงานหลังจากนี้จะขยายผลและต่อยอดด้วย 3 Connect the Dots เพื่อให้เศรษฐกิจไทยกลับมาฟื้นตัวและเข้มแข็งอีกครั้ง ประกอบด้วย
1.Connect the Dots for Sustainability หอการค้าฯ จะขับเคลื่อนเรื่อง BCG และ ESG รวมถึงแผน Net Zero Carbon ของประเทศ ในหลายๆ แนวทาง อาทิ การสร้างต้นแบบการดำเนินธุรกิจด้วย BCG และ ESG เพื่อเป็นตัวอย่างให้ผู้ประกอบการทั้งขนาดเล็กกลางและใหญ่ ได้เห็นถึงการปรับตัวของการค้าและธุรกิจใหม่ รวมถึงการดึงคนรุ่นใหม่ให้มีส่วนร่วมในการขับเคลื่อน
2.Connect the Dots for Scalability หอการค้าจะผลักดันให้เกิด National Trade Platform ขยายตลาดการค้าไปสู่ตลาดสากล
3.Connect the Dots for Repeatability หลายโครงการของหอการค้าฯ จะต้องขยายผลต่อเนื่อง เช่น โครงการ Big Brother ยกระดับ SME ไทยให้เติบโตอย่างเข้มแข็ง Sandbox Digital finance จัดทำโมเดลต้นแบบการช่วยเหลือ SME ในกลุ่มค้าปลีกให้เข้าถึงแหล่งเงินทุน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี