นายจิตรกร ว่องเขตกร รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยถึงการจดทะเบียนธุรกิจประจำเดือนมีนาคม 2565 ว่า มีผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนบริษัทใหม่ทั่วประเทศ 7,164 ราย เทียบกับกุมภาพันธ์ 2565 ลดลง 1% และเทียบกับมีนาคม 2564 ลดลง 19% เนื่องจากเดือนมีนาคม 2564 เป็นเดือนที่มีการจัดตั้งสูงที่สุดในรอบ 7 ปี ทำให้ฐานเดิมสูงแต่ก็ถือว่าการตั้งบริษัทใหม่ยังอยู่ในช่วงการฟื้นตัว โดยมีมูลค่าทุนจดทะเบียน 25,939.56 ล้านบาท และประเภทธุรกิจที่จัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรกได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจภัตตาคาร ร้านอาหารที่กลับมาติดอันดับ 3 ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกันตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และการเปิดประเทศ
ธุรกิจเลิกประกอบกิจการ 926 ราย เมื่อเทียบกับกุมภาพันธ์ 2565 เพิ่มขึ้น 38% เทียบกับมีนาคม 2564 เพิ่มขึ้น 17% มีมูลค่าทุนจดทะเบียนเลิก 12,380.99 ล้านบาท ประเภทธุรกิจเลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจภัตตาคารและร้านอาหาร
ยอดรวมการจดทะเบียนตั้งใหม่ในช่วง 3 เดือนของปี 2565 (มกราคม-มีนาคม) มีทั้งสิ้น 22,347 ราย ลดลง 4% ทุนจดทะเบียน 74,397.53 ล้านบาท ยอดเลิกกิจการ 2,594 ราย เพิ่มขึ้น 5% ทุน
จดทะเบียน 40,472.15 ล้านบาท
ปัจจัยที่ทำให้การจดทะเบียนตั้งใหม่เพิ่มขึ้น เป็นผลจากคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยยังมีแนวโน้มฟื้นตัวโดยมีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจอยู่ที่ 3.2% การคงดอกเบี้ยนโยบาย 0.5% เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวภายในประเทศ และเริ่มมีการลงทุน เพื่อรองรับการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว
ส่วนแนวโน้มการจดทะเบียนตั้งใหม่คาดว่า สงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน จะมีผลส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมัน ทำให้ต้นทุนผู้ประกอบการและราคาสินค้าสูงขึ้น ประกอบกับกำลังซื้อของผู้บริโภคที่อาจลดลงตามอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น และความกังวลต่อการแพร่ระบาดของโควิด-19 อาจส่งผลให้ผู้ประกอบการชะลอการลงทุนเพื่อรอดูสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม ยังคาดการณ์การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2565 อยู่ที่ 40,000–42,000 รายและตลอดทั้งปี 2565 อยู่ที่ 70,000–75,000 ราย
ปัจจุบันมีธุรกิจดำเนินกิจการอยู่ทั้งสิ้น (ณ วันที่ 31 มีนาคม 2565)จำนวน 828,706 ราย มูลค่าทุน 19.73ล้านล้านบาท
สำหรับการอนุญาตให้คนต่างชาติประกอบธุรกิจในช่วงเดือนมีนาคม 2565 มีจำนวน 53 ราย แบ่งเป็นใบอนุญาตประกอบธุรกิจ 17 ราย และหนังสือรับรองประกอบธุรกิจ 36 ราย โดยมีเม็ดเงินลงทุนทั้งสิ้น 10,838 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในไทยมากที่สุด ได้แก่ ญี่ปุ่น จำนวน 12 ราย เงินลงทุน 1,873 ล้านบาท รองลงมาได้แก่ ฮ่องกง จำนวน 7 ราย เงินลงทุน 767 ล้านบาท และจีน จำนวน 6 ราย เงินลงทุน 3,896 ล้านบาท ตามลำดับ รวมไตรมาสแรกปี 2565 คนต่างชาติได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจ จำนวน 146 ราย มีเงินลงทุนทั้งสิ้น 26,384 ล้านบาท
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี