นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประจำเดือนมิถุนายน 2565 ว่าแม้เศรษฐกิจไทยยังเผชิญความเสี่ยงรอบด้าน จากภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอลง รวมทั้งต้นทุนและเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นแต่การท่องเที่ยวและการส่งออกที่ยังขยายตัวจะเป็นแรงส่งเศรษฐกิจไทยในช่วงที่เหลือของปี โดยที่ประชุม กกร. คงประมาณการเศรษฐกิจไทยหรือจีดีพีปี 2565
ในกรอบเดิมที่ 2.5% ถึง 4.0% รวมทั้งคงประมาณการการส่งออกที่ 3.0% ถึง 5.0% และอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในกรอบ 3.5% ถึง 5.5%
สำหรับภาคการส่งออกไทยเริ่มได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอลง เพราะได้รับผลกระทบจากสงครามรัสเซียและยูเครนที่ยังยืดเยื้อ ความกังวลเกี่ยวกับอาหารขาดแคลนราคาสินค้าโภคภัณฑ์และอัตราเงินเฟ้อในระดับสูง การขาดแคลนสินค้าสำคัญในซัพพลายเชนภาคอุตสาหกรรม การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของหลายธนาคารกลาง และการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนที่จีดีพีอาจจะขยายตัวเพียง 4.5% ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายของรัฐบาลที่ 5.5% ปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ทำให้เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอตัวลงและอาจจะกระทบต่อการส่งออกของไทยในช่วงที่เหลือของปี
การท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวจะเป็นแรงขับเคลื่อนหลักที่สนับสนุนเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปี แม้อัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นจะฉุดรั้งกำลังซื้อและการฟื้นตัวของอุปสงค์ในประเทศแต่เศรษฐกิจไทยในช่วงที่เหลือของปีจะได้รับแรงส่งจากการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวดีขึ้น การเปิดประเทศเมื่อ1 พฤษภาคม ทำให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเพิ่มขึ้นซึ่งคาดว่าเป้าหมายนักท่องเที่ยวปีนี้ที่ตั้งไว้ 6-8 ล้านคน น่าจะเป็นไปได้ นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวชาวไทยที่เดินทางในประเทศมีสัญญาณที่ดีโดยขณะนี้ฟื้นตัวถึงระดับ 80% ของจำนวนนักท่องเที่ยวในปี 2562 ดีกว่าคาดการณ์ที่ระดับ 70% และในระยะข้างหน้ายังได้อานิสงส์จากการขยายสิทธิโครงการเราเที่ยวด้วยกันเพิ่มเติม
ส่วนวิกฤตอาหารโลกที่รุนแรงขึ้นจนหลายประเทศระงับการส่งออกอาหารนั้นไทยอาจได้รับประโยชน์จากการส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารเพิ่มเติม สงครามยูเครนและรัสเซียที่ยืดเยื้อทำให้ผลผลิตทางการเกษตรของโลกในภาพรวมลดลง ส่งผลให้ดัชนีราคาอาหารโลกในเดือนเมษายน 2565 ปรับเพิ่มขึ้นถึง 29.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หลายประเทศเริ่มเผชิญกับการขาดแคลนอาหารทำให้กว่า 20 ประเทศใช้มาตรการห้ามส่งออกอาหาร โดยเฉพาะกลุ่มข้าวสาลี น้ำตาล และน้ำมันพืช
สำหรับประเทศไทยในปี 2565 มีปริมาณสินค้าคงคลังสำหรับสินค้าอาหารสำคัญเทียบกับความต้องการในประเทศในระดับสูงกว่าหรือใกล้เคียงกับในอดีต การที่หลายประเทศตัดสินใจระงับการส่งออก จะเป็นโอกาสของการส่งออกสินค้าของไทย อย่างไรก็ตาม ต้องมีการติดตามและบริหารจัดการสต๊อกสินค้าเกษตรและอาหารที่ดี รวมทั้งบริหารจัดการไม่ให้เกิดการขาดแคลนปัจจัยการผลิต เช่น ปุ๋ยเคมี และอาหารสัตว์
ส่วนกรณีราคาน้ำมันดีเซลที่ปรับขึ้น 33 บาทต่อลิตร ยังอยู่ในระดับที่รับได้ เพราะที่หารือกันไว้จะต้องไม่เกิน 35 บาทต่อลิตร หากเทียบเคียงกับประเทศในกลุ่มอาเซียนนั้น ไทยก็ยังดีกว่า และต้องเข้าใจทุกฝ่าย อย่างฝ่ายรัฐบาลก็พยายามหามาตรการต่างๆ มาช่วยเหลือที่สำคัญที่สุดทุกคนต้องช่วยกันประหยัดให้มากที่สุด เพื่อฟันฝ่าวิกฤตนี้ไปให้ได้
สำหรับร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 เชื่อว่าจะผ่านการพิจารณาของที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ส่วนที่ตั้งงบลงทุนที่น้อย เชื่อว่าไม่น่าจะกระทบ หากโครงการใดที่ชะลอได้ ก็ชะลอไปก่อน เมื่อถึงโอกาสก็เดินหน้าต่อได้ เพราะขณะนี้ประเทศไทย เป็นที่สนใจของต่างชาติที่จะเข้ามาลงทุน เช่น บริษัทด้านเทคโนโลยี ของสหรัฐสนใจที่จะเข้ามาตั้งฐานเป็นสำนักงานการให้บริการด้านเทคโนโลยีในภูมิภาคนี้
นอกจากนี้ ภาคเอกชนต้องการให้รัฐบาลเร่งประกาศให้โรคโควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น ให้เร็วที่สุด จากเดิมที่รัฐบาล จะประกาศวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ เนื่องจากเป็นผลทางจิตวิทยา หากประกาศเร็วที่สุด ประชาชนจะกล้าออกจากบ้านมาจับจ่ายใช้สอย โดยเฉพาะกลุ่มมีรายได้ระดับกลางและระดับสูงอีกจำนวนมากที่ยังกล้าๆ กลัวๆ ไม่กล้าออกจากบ้าน ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อจับจ่ายใช้สอยได้อย่างมาก รวมทั้งการรับมือโรคโควิด-19 ของไทยทำได้ดี และความรุนแรงโรคไม่ค่อยมี เหมือนเป็นโรคไข้หวัดทั่วไป ที่ใช้เวลารักษาไม่นาน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี