นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) เปิดเผยว่า ตามนโยบายของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ที่ได้สั่งการให้กรมฯ ทำแผนขยายตลาดเป้าหมายแบบเชิงรุกและเชิงลึก ล่าสุดกรมได้เดินหน้าขยายตลาดอินเดียแบบเชิงลึก โดยมีแผนที่จะเพิ่มการจัดกิจกรรมเจาะตลาดในรูปแบบต่างๆ เพิ่มมากขึ้น รวมทั้งจะเร่งรัดการลงนามในบันทึกข้อตกลง (MOU) กับรัฐเป้าหมายในอินเดียให้เพิ่มมากขึ้น เพื่อผลักดันการส่งออกในปี 2565 ให้เป็นไปตามเป้าหมายมูลค่า 9,216.83 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 8%
กิจกรรมที่ กรมจะดำเนินการเพิ่มเติมในช่วงที่เหลือของปีนี้ เช่น การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายร่วมกับ Lulu Mall ในการทำตลาดสินค้าไทยช่วง 10-31 กรกฎาคม 2565 จัด Top Thai Brand และ Thailand Week ที่กรุงนิวเดลี จัดงาน Thai Trade Expo 2022 ที่รัฐเตลังคานา วันที่ 5-7 สิงหาคม 2565 จัดกิจกรรมเจรจาจับคู่ธุรกิจ (OBM) สินค้ากลุ่มอาหาร เครื่องดื่ม ผักและผลไม้ มันสำปะหลังและผลิตภัณฑ์ ไม้ยางพาราและผลิตภัณฑ์ วัสดุก่อสร้าง แบตเตอรี่ อุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ เฟอร์นิเจอร์ อัญมณีและเครื่องประดับ และธุรกิจบริการ ซึ่งจะดำเนินการต่อเนื่องจนถึงเดือนกันยายน 2565
กิจกรรมที่ดำเนินการไปแล้ว เช่น การจัด In-Store Promotion ร่วมกับ Ratanadeep Supermarket มีมูลค่าการสั่งซื้อทันที 1.25 ล้านบาท การจัด Top Thai Brand 2022 ที่เมืองปูเน่ มีมูลค่าการสั่งซื้อภายใน 1 ปี 200 ล้านบาท และกิจกรรม OBM ช่วงตุลาคม 2564-เมษายน 2565 มีมูลค่าการสั่งซื้อรวม 688.81 ล้านบาทรวมทำรายได้เข้าประเทศแล้ว 1,371.63 ล้านบาท
กรมยังมีเป้าหมายในการเดินหน้าจัดทำบันทึกความเข้าใจ (MOU) ร่วมกับรัฐต่างๆ ของอินเดียเพิ่มขึ้นหลังจากที่ได้ลงนามกับรัฐเตลังคานาของอินเดียไปแล้ว เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2565 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่กระทรวงพาณิชย์มีการลงนาม
MOU ด้านการค้าการลงทุนกับรัฐบาลระดับรัฐของอินเดีย โดยมีแผนที่จะทำ MOU ลักษณะเดียวกันนี้กับรัฐอื่นๆ ที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจของอินเดียเพิ่มเติม ได้แก่ รัฐกรณาฏกะ รัฐมหาราษฏระ รัฐเกรละรัฐอัสสัม และรัฐคุชราต ทั้งนี้ รัฐที่มีความคืบหน้า คือรัฐกรณาฏกะ และรัฐมหาราษฏระ ที่คาดว่าจะลงนามกันได้ในไม่ช้านี้
นอกจากนี้ กรมยังได้สั่งการให้ทูตพาณิชย์ที่ประจำอยู่ในอินเดีย เดินหน้าศึกษาและหาโอกาสให้กับผู้ประกอบการไทยในการเข้าไปลงทุน หรือร่วมลงทุนทำธุรกิจในอินเดียในสาขาที่ไทยมีศักยภาพ เช่น ภาคบริการการโรงแรมและการท่องเที่ยว การก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานและโลจิสติกส์ การผลิตส่วนประกอบยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมการเกษตรและการแปรรูปอาหาร ซึ่งเป็นสาขาที่อินเดียยังขาดทักษะและความเชี่ยวชาญ รวมทั้งหาลู่ทางขยายตลาดสินค้าไทยรูปแบบใหม่ๆ เช่น ส่งสินค้าป้อนตลาดค้าปลีกและแฟรนไชส์ในอินเดีย โดยเฉพาะ E-commerce startups เนื่องจากฐานผู้บริโภคชนชั้นกลางถึงชั้นสูงที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว
ปัจจุบัน อินเดียเป็นคู่ค้าอันดับที่ 11 ของไทย และเป็นคู่ค้าอันดับที่ 1 ของไทยในภูมิภาคเอเชียใต้ในปี 2564 การค้ารวมมีมูลค่า 14,940.49 ล้านเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้น 52.52% แยกเป็นการส่งออก มูลค่า 8,534.10 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 55.05% และนำเข้า มูลค่า 6,406.39 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 49.28% ส่วนช่วง 3 เดือนของปี 2565 (มกราคม-มีนาคม) การค้ารวมมีมูลค่า 4,600.14 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 28.30% แยกเป็นการส่งออกมูลค่า 2,578.76 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 33.03% และนำเข้ามูลค่า 2,021.38 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 22.75%
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี