นายวิทยากร มณีเนตร ผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันไทยปลูกเงาะ 2 สายพันธุ์ ได้แก่ เงาะโรงเรียน และเงาะสีทอง โดยผลผลิตรวมมีปริมาณ 280,000 ตัน ทั้งนี้ เงาะกำลังเป็นผลไม้อีกชนิดหนึ่งที่ตลาดให้การตอบรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเห็นได้จากที่ผ่านมา มีการส่งออกปีละ 12,000-15,000 ตัน หรือคิดเป็นสัดส่วน 5% ของผลผลิตทั้งหมด แต่ในช่วง 5 เดือนของปี 2565 (มกราคม-พฤษภาคม) เงาะสามารถสร้างสถิติส่งออกใหม่โดยส่งออกได้ถึง 9,437 ตัน คิดเป็นมูลค่า 177.25 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 248.33% ตลาดสำคัญ ได้แก่ เวียดนาม มาเลเซีย เมียนมา สปป.ลาว สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เป็นต้น และคาดว่าปี 2565 นี้จะส่งออกได้ถึง 20,000 ตัน หรือมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 7%

สำหรับสาเหตุที่ทำให้ชาวสวนเริ่มให้ความสนใจการส่งออกเงาะมากขึ้น เพราะการบริหารจัดการผลผลิตไม่ยุ่งยาก การคัดคุณภาพสามารถดูได้จากผิวของผลไม้ ซึ่งต่างจากทุเรียนและมังคุด และตลาดปลายทางในการส่งออกยังให้การต้อนรับดี และมีแนวโน้มที่จะขยายตัวเพิ่มขึ้น ทั้งเวียดนาม และมาเลเซีย ประกอบกับกำไรต่อหน่วยเป็นที่พึงพอใจของชาวสวน เพราะต้นทุนการปลูกไม่สูงเหมือนผลไม้ชนิดอื่น และมีความเสี่ยงต่ำ จึงเหมาะกับเป็นผลไม้ที่เก็บกินยาวๆ ถึงแม้ไม่หวือหวามากนักแต่มีความมั่นคงสูงในอนาคต

“ผลไม้เมืองร้อนของไทยได้รับความนิยมมากขึ้นในต่างประเทศ ทั้งทุเรียน มังคุด เงาะ และลองกอง ส่งผลให้ผลไม้เหล่านี้กลายเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของไทย สร้างรายได้เข้าประเทศนับแสนล้านบาทต่อปี โดยเฉพาะทุเรียน กลายเป็นสินค้าเกษตรที่ทำรายได้จากการส่งออกสูงสุดเป็นอันดับ 1 แทนข้าว และยางพารา โดยชาวสวน ทั้งภาคตะวันออกภาคใต้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีการโค่นต้นยางพาราเพื่อหันมาปลูกทุเรียนมากขึ้น ซึ่งคาดว่าผลผลิตของทุเรียนไทย จะมีปริมาณมากกว่า 2 ล้านตัน ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า”นายวิทยากร กล่าว

อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์มีความเป็นห่วงว่า ถ้าชาวสวนมีการปลูกทุเรียนกันมากๆ อย่างไร้ขีดจำกัด ในอนาคตอาจเกิดปัญหาด้านราคาได้ เพราะไทยพึ่งพาตลาดต่างประเทศเป็นหลัก โดยเฉพาะจีน ที่ไทยส่งออกไปมากกว่า 90% ของการส่งออกไปทั่วโลก อีกทั้งการส่งออกทุเรียนมีขั้นตอน และต้องการความรู้ เทคนิคต่างๆ ในการควบคุมคุณภาพจากสวนถึงมือผู้บริโภค รวมถึงเป็นผลไม้ที่มีราคาสูงถ้าเกิดความผิดพลาดก็จะเสียหายในมูลค่าที่สูงเช่นกัน ส่วนเงาะ การบริหารจัดการผลผลิต และการควบคุมคุณภาพ ทำได้ง่ายกว่า โอกาสที่จะขยายตลาดได้เพิ่มขึ้น ก็มีมาก