2565 ปีแห่งการเปลี่ยนแปลง
ในปี 2565 บริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) (“TPIPP”) ได้บริหารจัดการผลกระทบจากต้นทุนถ่านหินที่ปรับตัวสูงขึ้น และการหมดอายุลงของส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า (adder) สำหรับโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงขยะ (18 MW) ในเดือนมกราคม และโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงขยะ (55 MW) ในเดือนสิงหาคม นี้ โดย TPIPP ได้เริ่มโครงการลงทุนระยะกลางเพื่อปรับปรุงเครื่องจักรโรงไฟฟ้า เพื่อให้สามารถใช้เชื้อเพลิงขยะ (RDF) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นพลังงานทดแทนเชื้อเพลิง Fossil 100% ภายในปี 2567-2568 โดย โครงการเฟส 1 มีกำหนดการแล้วเสร็จในช่วงปลายปีนี้ และเนื่องจากปี 2565 เป็นปีแห่งการลงทุนเพื่อปรับปรุงเครื่องจักรโรงไฟฟ้าและเพิ่มกำลังการผลิตเชื้อเพลิง RDF เราจึงไม่สามารถเปรียบเทียบผลการดำเนินงานในระหว่างปีที่ผ่านมากับปีก่อนหน้าได้ชัดเจน
ทั้งนี้ บริษัทฯได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวนค่อนข้างน้อย เนื่องจากบริษัทฯ ขายไฟฟ้าภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPAs) 2565 ปีแห่งความสามารถในการปรับตัว
การหมดอายุของส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า (adder) สำหรับโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงขยะ (18 MW) ดังกล่าว รวมทั้งการปิดโรงไฟฟ้าเพื่อปรับปรุงการใช้เชื้อเพลิงขยะ ส่งผลให้ปริมาณการขายไฟฟ้าของ TPIPP ลดลงประมาณ 20% ในขณะที่รายได้จากการขายไฟฟ้า ลดลงเพียง 8.3% จากไตรมาส 1 ปี 2565 โดยมีรายได้จากการขายไฟฟ้าอยู่ที่ระดับ 2.6 พันล้านบาท โดยมีค่าไฟฟ้าที่ปรับตัวสูงขึ้นจากการปรับเพิ่มค่าไฟฟ้าผันแปร (FT) ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้ รายได้จากการขายน้ำมันเพิ่มขึ้น 9.1% จากไตรมาส 1 ปี 2565 ซึ่งชดเชยการลดลงของรายได้จากการขายไฟฟ้า โดยในช่วงครึ่งแรกของ ปี 2565 รายได้จากการขายขายไฟฟ้าอยู่ที่ 5.3 พันล้านบาท ลดลง 4% จากช่วงเดียวกันของปี 2564
ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าวข้างต้น อัตรากำไรขั้นต้นและอัตรากำไรจากการดำเนินธุรกิจปกติของบริษัทฯ ในไตรมาส 2 ปี 2565 ยังคงอยู่ที่ 34.9% และ 34.8% ตามลำดับ ซึ่งปรับตัวสูงขึ้นจากระดับ 31.4% และ 31.5% ตามลำดับ จากไตรมาส 1 ปี 2565 การปรับตัวสูงขึ้นดังกล่าว ส่วนหนึ่งมาจากกำไรที่เพิ่มขึ้นของธุรกิจสถานีบริการน้ำมัน ถึงแม้ว่าจะเป็นส่วนเล็ก ๆ ก็ตาม
ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2565 TPIPP มีกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 892 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% จากไตรมาส 1 ปี 2565 ในขณะที่กำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 891 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.3% จากไตรมาส 1 ปี 2565 โดยอัตราส่วน SG&A to sales อยู่ที่ 4.8% TPIPP เป็นธุรกิจที่มีต้นทุนคงที่ต่ำ ประสิทธิภาพในการดำเนินงานและค่าไฟฟ้าจึงเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนอัตรากำไรของธุรกิจ
ภายหลังการพัฒนาประสิทธิภาพการดำเนินการ ในไตรมาสที่ 2 ปี 2565 EBITDA margin ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 44% เปรียบเทียบกับอัตรา 40% ในไตรมาสที่ 1 ปี 2565 ซึ่งเป็นอัตราที่ต่ำสุดเนื่องจากต้นทุนพลังงานปรับตัวสูงขึ้น ประกอบกับการทยอยหมดอายุของส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า (adder) บางส่วน
EBITDA ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2565 อยู่ที่ 2.26 พันล้านบาท ลดลง 22% จากช่วงเดียวกันของปี 2564 เนื่องจากมีการปิดโรงไฟฟ้าเพื่อปรับปรุงการใช้เชื้อเพลิงขยะ โดย TPIPP ยังคงมีกำไรสุทธิจำนวน 856 ล้านบาท ในไตรมาส 2 ปี 2565 ไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ปี 2565 และ ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2565 มีกำไรสุทธิจำนวน 1.7 พันล้านบาท ลดลง 24% จากช่วงเดียวกันของปี 2564
ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2565 บริษัทฯ คาดว่าอัตรากำไรและกำไรสุทธิของบริษัทฯ จะเพิ่มขึ้นจากการปรับเพิ่มค่าไฟฟ้าผันแปร (FT) อีก 0.6866 บาทต่อกิโลวัตต์ ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2565 และจากการปรับปรุงประสิทธิภาพของโรงไฟฟ้าเพื่อเพิ่มการใช้เชื้อเพลิงขยะ
ฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง
ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2565 ระยะเวลาหมุนเวียนของสินทรัพย์หมุนเวียนสุทธิ(NWC) ของบริษัทฯ อยู่ที่ 22.8 สัปดาห์ เพิ่มขึ้นจากค่าเฉลี่ย 19.4 สัปดาห์ ในช่วงสี่ไตรมาสที่ผ่านมา สาเหตุหลักมาจากมีระยะเวลาหมุนเวียนของเงินสดต่อสินทรัพย์หมุนเวียน (Cash tied to WCA) สูงขึ้น ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 26.36 สัปดาห์ เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยที่ 23 สัปดาห์ ในช่วงสี่ไตรมาสที่ผ่านมา และเนื่องจากบริษัทฯมีการปรับปรุงประสิทธิภาพของโรงงาน WCA จึงยังคงอยู่ที่ระดับปัจจุบันจนกว่าการปรับปรุงโรงงานจะดำเนินการแล้วเสร็จ
แม้ว่า ณ สิ้นไตรมาสที่ 2 ปี 2565 ระยะเวลาการหมุนเวียนของการเปลี่ยนแปลงเงินสด (Cash conversion cycle) ของบริษัทฯจะมีระยะเวลายาวขึ้น อย่างไรก็ตาม บริษัทฯมีหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิอยู่ที่ 13.4 พันล้านบาท โดยมีอัตราส่วน หนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิ (Net interest bearing debt) ต่อ กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษีเงินได้ ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA (annualized)) อยู่ที่ 2.96 เท่า และ และมีอัตราส่วน หนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิ (Net interest bearing debt) ต่อ ส่วนผู้ถือหุ้น (Equity) อยู่ที่ 0.4 เท่า โดยมีภาระดอกเบี้ยจ่าย ต่อ ยอดขาย อยู่ที่ 5.1% และมีอัตราความสามารถในการชำระดอกเบี้ยที่ 8.3 เท่า (คำนวณโดยอ้างอิงจากงบกระแสเงินสด) ซึ่งอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้
การมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวของบริษัทฯ ส่งผลให้บริษัทฯ ยังคงสามารถสร้างกระแสเงินสดที่มั่นคง แม้ในช่วงที่มีการปรับปรุงประสิทธิภาพของโรงไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง
สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 2 ปี 2565 ของบริษัทฯ เข้าชมได้ที่เว็บไซต์ www.tpipolenepower.co.th ฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี