นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า รัฐบาลมั่นใจเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลัง ยังขยายตัวต่อเนื่อง และจีดีพีทั้งปี 2565 มีโอกาสขยายตัว 3.5% เนื่องจากปัจจัยบวกจาก การท่องเที่ยวและการส่งออกเป็นตัวชูโรงขณะที่การจัดเก็บรายได้ 10 เดือนแรกของปีงบประมาณ’65 ยอดเงินกว่า 2.03 ล้านล้านบาท สูงกว่าเป้าหมาย 1 แสนล้านบาท หรือ 5.5% โดยกรมสรรพากรจัดเก็บรายได้ 1.67 ล้านล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 2.06 แสนล้านบาท หรือ 14.1% กรมสรรพสามิตจัดเก็บรายได้ 4.28 แสนล้านบาทต่ำกว่าประมาณการ 6.89 หมื่นล้านบาท หรือ 13.9% เนื่องจากการลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซล เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ส่วนกรมศุลกากรจัดเก็บรายได้ 8.99 หมื่นล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 6.38 พันล้านบาท หรือ 7.6%
สำหรับเครื่องยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้กล่าวย้ำว่า การท่องเที่ยวและการส่งออกเป็นเครื่องยนต์สำคัญ โดยช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ นักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นอย่างมาก รวม 4 ล้านกว่าคน คาดสิ้นปีนี้ จะมีนักท่องเที่ยว 8-10 ล้านคน ถือเป็น 1 ใน 4 ของจำนวนนักท่องเที่ยวก่อนโควิดระบาด ส่วนการส่งออก ในปี 2564 ขยายตัวได้กว่า 20% ขณะที่ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2565 ขยายตัว 12% นับว่าเป็นทิศทางที่ดี ส่วนการบริโภคภาคเอกชน ช่วงครึ่งปีแรกขยายตัว 2.5% คาดว่าทั้งปี ขยายตัวได้ 3.5% การท่องเที่ยวจะเข้ามาสนับสนุน ทั้งการใช้จ่ายจากคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติด้วย และยอมรับว่า ภาวะเงินเฟ้อยังคงกระทบกำลังซื้อครัวเรือน คาดว่าจะเริ่มลดลงในช่วงปลายปี รัฐบาลได้ออกมาตรการมาดูแลผ่านโครงการทั้งคนละครึ่งและการลดค่าครองชีพ
ขณะที่การลงทุนภาครัฐได้มีการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณให้แล้วเสร็จในไตรมาสสุดท้ายของปีงบประมาณ 2565 จะทำให้เศรษฐกิจเติบโตได้อีก ทั้งนี้ ช่วง 10 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2565 (ต.ค.2564-ก.ค.2565) เบิกจ่ายได้ 2.67 ล้านล้านบาท คิดเป็น 86.14% ของวงเงินงบประมาณรายจ่าย 3.1 ล้านล้านบาท ขณะที่งบประมาณรายจ่ายปี 2566 ได้ผ่านสภาผู้แทนราษฎรเรียบร้อย เหลือเพียงขั้นตอนการพิจารณาของสมาชิกวุฒิสภาเพื่อขับเคลื่อนโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ หวังให้กระจายไปทุกภาคส่วน
ขณะที่นายกอบสิทธิ์ ศิลปชัย ผู้บริหารงานวิจัยเศรษฐกิจและตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) กล่าวว่า ธนาคารจะทบทวนประมาณการอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจ (GDP) ไทย หลังจากสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) รายงานตัวเลข GDP ไตรมาส 2/65 ออกมาที่ 2.5% ถือต่ำกว่าตลาดคาดไว้ ซึ่งในช่วงครึ่งปีหลังยังต้องลุ้นว่าภาคท่องเที่ยวที่จะเป็นปัจจัยหลักทำให้กับเศรษฐกิจไทยฟื้นกลับมาเติบโตได้ดีต่อเนื่องหรือไม่
ปัจจัยหลักที่จะสร้างผลกระทบต่อภาพรวมของเศรษฐกิจ คือ ปัจจัยต่างประเทศที่ยังคงมีความไม่แน่นอน ทำให้เศรษฐกิจโลกเกิดความผันผวน โดยเฉพาะความเสี่ยงของการเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) หลังจากเจ้าหน้าที่เฟดหลายรายยังคงเป็นสายเหยี่ยวที่มีความเห็นสนับสนุนการปรับนโยบายการเงินให้เข้มงวดขึ้น และสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งละ 0.50-0.75% ทำให้ตลาดเงินและตลาดทุนยังคงผันผวนจากความเสี่ยงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดและปัจจัยดังกล่าวยังส่งผลให้ทิศทางค่าเงินดอลลาร์สหรัฐให้แข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง เป็นแรงกดดันค่าเงินบาทยังอิงไปทางอ่อนค่าต่อเนื่อง ซึ่งในช่วงเดือนก.ย. 2565 คาดว่าค่าเงินบาทมีโอกาสอ่อนค่าแตะ 37 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ก็ยังคงต้องติดตามว่าในช่วงเดือน พ.ย.นี้จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศไทยมากน้อยเพียงใด เพราะหากเข้ามามากจะมีผลให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นในช่วงปลายปีนี้ได้ ซึ่งศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติในปีนี้ไว้ที่ 7 ล้านคน โดยในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศไทยแล้ว 3 ล้านคน และมีจำนวนเที่ยวบิน 160,000 เที่ยว/วัน
นอกจากนี้ยังมีความกังวลเกี่ยวกับการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในยุโรปมากขึ้นกว่าสหรัฐฯ โดยที่ยังต้องติดตามความทนทานของเศรษฐกิจยุโรปในช่วงฤดูหนาวนี้ว่าจะเป็นอย่างไร หลังจากสงครามรัสเซียและยูเครนยังคงยืดเยื้อส่งผลให้ยุโรปต้องเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง และทำให้เศรษฐกิจโลกเกิดความเสี่ยง รวมทั้งมีโอกาสกระทบต่อเศรษฐกิจไทยที่เพิ่งเริ่มฟื้นตัว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี