นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยถึงสถานการณ์การส่งออกข้าวไทยและสถานการณ์ข้าวไทย ณ เดือนสิงหาคม 2565 โดยคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ ได้รายงานปริมาณการส่งออกข้าวไทยเทียบกับประเทศผู้ส่งออกสำคัญ (อ้างอิงข้อมูลจากกรมศุลกากรและใบอนุญาตส่งออกข้าว) ว่า ในปี 2565 (มกราคม-สิงหาคม) อินเดียส่งออกข้าวได้มากเป็นอันดับ 1 ของโลก ประมาณ 11.23 ล้านตัน รองลงมาได้แก่ ไทย 4.75 ล้านตัน เวียดนาม 4.25 ล้านตัน ปากีสถาน 2.47 ล้านตัน และสหรัฐฯ 1.49 ล้านตันตามลำดับ
ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2564 (มกราคม-สิงหาคม) ในปี 2565ไทยมีปริมาณการส่งออกข้าวเพิ่มขึ้น จาก 3.10 ล้านตันเป็น 4.75 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 53.23% ปัจจัยบวกจากค่าเงินบาทที่อยู่ในระดับอ่อนค่า เมื่อเทียบกับค่าเงินเหรียญสหรัฐฯ ทำให้ราคาข้าวไทยอยู่ในระดับที่แข่งขันได้ มีราคาใกล้เคียงกับประเทศคู่แข่งที่สำคัญ เช่น เวียดนาม เมียนมา ผู้นำเข้าข้าวจึงให้ความสนใจนำเข้าข้าวไทยเพิ่มขึ้น อีกทั้งการส่งออกข้าวของไทยไปยังกลุ่มประเทศผู้นำเข้าในภูมิภาคตะวันออกกลางโดยเฉพาะอิรัก ยังมีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน นอกจากนี้ การส่งออกข้าวไทยในช่วงที่ผ่านมานั้น เนื่องจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ทำให้มีการนำเข้าข้าวไทยไปใช้ทดแทนข้าวสาลีและข้าวโพดในอุตสาหกรรมผลิตอาหารสัตว์เพิ่มขึ้นด้วย
นายอนุชาถึงแนวโน้มสถานการณ์การส่งออกข้าวไทย ว่า เมื่อวันที่ 8 สิงหาคมที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์โดยกรมการค้าต่างประเทศ ได้หารือและเห็นชอบร่วมกับสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ให้ปรับเพิ่มเป้าหมายการส่งออกข้าวไทยปี 2565 จากเดิมที่กำหนดไว้ปริมาณ 7 ล้านตัน เป็น 7.5ล้านตัน ซึ่งหากการส่งออกข้าวไทยเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ จะทำให้ไทยสามารถส่งออกข้าวได้เพิ่มขึ้น 19.05% จากปีก่อน โดยในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2565 (มกราคม-กรกฎาคม) ไทยส่งออกข้าวได้ปริมาณ 4.09 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 53.76% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนแล้ว ทำให้การส่งออกข้าวไทยในปี 2565 มีแนวโน้มที่จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยมีปัจจัยสนับสนุน อาทิ ปริมาณน้ำฝนและน้ำในอ่างเก็บน้ำมีเพียงพอต่อการเพาะปลูกทำให้มีผลผลิตมาก ราคาข้าวไทยอยู่ในระดับที่แข่งขันได้ ค่าเงินบาทต่อเหรียญสหรัฐฯ อยู่ในระดับที่อ่อนค่า การฟื้นตัวของตลาดอิรักต่อการส่งออกข้าวไทย ทำให้ไทยส่งออกข้าวไปยังอิรักได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก เฉลี่ยมากกว่า 100,000 ตันต่อเดือนและทำให้อิรักกลายมาเป็นตลาดผู้นำเข้าข้าวอันดับที่ 1 ของไทย และมีการนำเข้าข้าวเพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหารภายในประเทศเพิ่มขึ้น
“อุตสาหกรรมข้าวไทยมีโอกาสและปัจจัยที่จะช่วยสนับสนุนให้เติบโต ทั้งสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่เริ่มคลี่คลาย ความเชื่อมั่นต่อมาตรฐานของข้าวไทยที่เพิ่มขึ้นอีกทั้งค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง ส่งผลให้ราคาข้าวไทยสามารถแข่งขันได้ เป็นที่ต้องการของตลาดมากขึ้นซึ่งรัฐบาลจะกำกับให้ทุกฝ่ายร่วมกันส่งเสริมศักยภาพด้านการผลิตและการส่งออกข้าวของไทย ให้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขด้านการผลิตและการส่งออกอย่างเคร่งครัด เพื่อคงคุณภาพข้าวไทยในตลาดโลกให้ดีอยู่เสมอ รวมทั้งรัฐบาลจะเร่งรัดผลักดันศักยภาพการส่งออกข้าวไทยอย่างต่อเนื่อง” นายอนุชากล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี