นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าวว่า ธนาคารกำลังจะเข้าสู่ธุรกิจ Non Bank เต็มตัวเพื่อให้คนระดับรากหญ้าได้มีโอกาสเข้าถึงแหล่งในระบบด้วยอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าในตลาดอย่างน้อย 5% โดยมีแผนที่ยื่นขอใบอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อทำธุรกิจนอนแบงก์ภายในช่วงต้นปี 2566 และคาดว่าจะเริ่มดำเนินธุรกิจได้ภายในปลายไตรมาส 3 ปี 2566 หรือต้นไตรมาส 4 ปี 2566 โดยจะเป็นการปล่อยสินเชื่อส่วนบุคคล (P-Loan) ด้วยระบบ Digital Lending ให้วงเงินกู้ 1-2 หมื่นบาทต่อราย
ทั้งนี้ จะเป็นการให้บริการผ่านบริษัทลูกแห่งใหม่ที่จะมีการจัดตั้งขึ้นมา เปรียบเสมือนแบรนด์ที่ 2 ของ ธ.ออมสิน ที่สามารถรับความเสี่ยงได้สูงขึ้น เน้นเข้าไปช่วยเหลือกลุ่มลูกค้ารายย่อย กลุ่มฐานรากที่ปัจจุบันต้องเสียอัตราดอกเบี้ยในอัตราที่สูงมาก(25%) ส่วนโครงสร้างของบริษัทใหม่นี้อยู่ระหว่างการพิจารณาซึ่งดูไว้หลายรูปแบบ เช่น บริษัท มีที่มีเงิน ถือหุ้น 100% ออมสินถือหุ้น 49% และมีที่มีเงิน ถือหุ้น 51% หรือ ออมสิน ถือหุ้น 49% และพาร์เนอร์อื่น ถือหุ้น 51%
“ที่ผ่านด้วยกติกาของธนาคารออมสิน ซึ่งเป็นแบงก์รัฐต้องให้ความสำคัญกับเรื่องความเสี่ยง และมีข้อจำกัดในการคิดอัตราดอกเบี้ยที่สูงกับลูกค้า ทำให้ลูกค้ากลุ่มนี้ธนาคารไม่สามารถเข้าไปช่วยเหลือได้ ซึ่งเท่ากับว่าเราผลักเขาให้เข้าไปสู่เงินกู้นอกระบบ หรือเงินกู้ในระบบที่มีอัตราดอกเบี้ยที่สูงมาก หลังจากนี้ภายใต้บริษัทแห่งใหม่นี้ ก็จะดึงคนกลุ่มนี้กลับเขามาในระบบได้และเสียอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าในตลาด”
อย่างไรก็ตามธนาคารออมสิน ยังให้ความสำคัญกับการปล่อยสินเชื่อผ่านช่องทางดิจิทัล (Digital Lending) โดยเตรียมเปิดตัวตามสินเชื่อ My Credit ในช่วงเดือน พ.ย.-ธ.ค. นี้ เจาะกลุ่มผู้ประกอบอาชีพอิสระ เช่น พ่อค้าแม่ค้า รับจ้าง ผู้มีรายได้ประจำ วงเงินกู้ 10,000-30,000 บาท ผ่อนชำระสูงสุดไม่เกิน 2 ปี อัตราดอกเบี้ย 1.25% ต่อเดือน ไม่ต้องมีหลักประกัน โดยจะใช้ Alternative Data แทนการวิเคราะห์รายได้) เช่น การใช้ข้อมูลจ่ายค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า จำนวนเม็ดเงินที่ไหลเวียนในระบบ MyMo ฯลฯ เบื้องต้นตั้งวงเงินรวมสำหรับโครงการนี้ไว้ที่ 1,000 ล้านบาท เบื้องต้น ตั้งเป้าลูกค้า 1 แสนราย ซึ่งมาจากฐานลูกค้า MyMo ที่มีอยู่กว่า13 ล้านราย
“การปล่อยกู้ผ่านระบบ MyMo เพื่อให้รายย่อยยื่นขอกู้ผ่านระบบออนไลน์ นับเป็นการก้าวอย่างเต็มตัว และบุกตลาดใหม่ ขยายฐานลูกค้าใหม่ พร้อมรับความเสี่ยงสูงขึ้น ได้รับดอกเบี้ยสูงขึ้น ภายใต้การดึงดอกเบี้ยในระบบลดลงอย่างน้อย 5% หลังจากประสบความสำเร็จการปล่อยกู้ในช่วงโควิด-19รายย่อยยื่นขอกู้จำนวนมาก นำเงินไปใช้จ่ายช่วงปัญหาวิกฤต”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี