ในมุมมองคนภายนอกอาจจะคิดว่าการเป็น “ทายาทธุรกิจ” นั้นแสนจะสบายง่ายดายกว่าการเปิดธุรกิจใหม่ของตัวเอง เพราะมีรุ่นพ่อรุ่นแม่ปูทางสร้างกิจการเอาไว้ให้ แต่ใครจะรู้บ้างว่าการเป็นทายาทรับไม้ต่อธุรกิจครอบครัวมีความยากและต้องรับแรงกดดัน ไม่ต่างจากการเปิดธุรกิจใหม่เลยสักนิด ทั้งโลกธุรกิจที่หมุนเร็วและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา รวมถึงต้องประคองธุรกิจของครอบครัวให้ไปต่อหรือต่อยอดธุรกิจเดิมให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม
“ดร.พรลภัส ณ ลำพูน” รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินเด็กซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ IND เปิดใจกับ “มุมมองนักบริหาร” ถึงจุดเริ่มต้นก่อนที่จะมารับช่วงต่อในการบริหารธุรกิจของบริษัท ว่า กว่า 40 ปี ที่ “ดร.ชัยณรงค์ ณ ลำพูน” ซึ่งเป็นคุณพ่อและเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งและสร้างธุรกิจมากับมือ เมื่อปี 2526 กระทั่งได้นำบริษัทฯ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ปี 2563 ซึ่งปัจจุบันธุรกิจของบริษัทฯ เรียกได้ว่าเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และถือเป็นบริษัทชั้นนำด้านวิศวกรรมที่ปรึกษาและออกแบบพร้อมก่อสร้างในการลงทุนโครงสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานที่ได้รับการยอมรับและได้รับความเชื่อถือจากหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนทั้งในประเทศและองค์กรระหว่างประเทศ อาทิ โครงข่ายถนน ระบบขนส่งสาธารณะ ระบบขนส่งทางราง การท่าอากาศยาน เป็นต้น และมีประสบการณ์ทำงานกว่า 300 โครงการ
เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมคุณพ่อได้ส่งผ่านความเป็นเจ้าของสู่ “ทายาทธุรกิจ” โดยได้ส่งไม้ต่อให้กับ “ดร.พรลภัส” ในการบริหารธุรกิจ IND ให้ประสบความสำเร็จและเติบโตได้อย่างยั่งยืนในอนาคต
“สิ่งที่ท้าทายของทายาทไม่ว่าจะเจเนอเรชั่นไหนก็ตาม ทุกบริษัทต้องการความยั่งยืน ต้องการรายได้และกำไรที่เติบโตอย่างมั่นคง ดังนั้นต้องมีการปรับโหมดการทำงาน และความรับผิดชอบ เพื่อให้บรรลุถึงเป้าหมาย”ดร.พรลภัส กล่าว
แม้จะต้องเผชิญกับความกดดันมากมาย แต่วันนี้ ดร.พรลภัส ก็สามารถนำพาธุรกิจของ IND ก้าวไปข้างหน้าได้อย่างสง่างามซึ่งดร.พรลภัส กล่าวว่า หัวใจสำคัญมาจากเน้นการสร้างทีมให้มีศักยภาพ และประสิทธิภาพสูงสุดด้วยการทำงานอย่างเป็นระบบ โดยใช้เทคโนโลยีและโปรแกรมต่างๆ ที่มีประสิทธิภาพมาช่วยในการบริหารต้นทุน
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังใช้แนวคิด “คิด ทำสำเร็จ” เพื่อบรรลุเป้าหมาย รวมถึงเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้เพื่อถ่ายทอดความรู้ต่างๆ และพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ให้กับพนักงานอย่างต่อเนื่อง รวมถึงต้องสื่อสารให้คนในองค์กรก้าวเดินไปในเป้าหมายเดียวกัน
แต่เหนือสิ่งอื่นใดการสร้างทีมงานและวิธีการทำงานที่เป็นหัวใจสำคัญอันนำมาสู่ความสำเร็จในการบริหารงาน คือต้องวางเป้าหมายในการทำงานให้ชัดเจนที่สุด เพื่อให้เกิดการร่วมแรง ร่วมใจ ในการทำงาน สู่ความสำเร็จ เน้นการทำงานให้มีระบบทีม ให้แต่ละส่วนเข้าใจบทบาทหน้าที่ชัดเจนของแต่ละส่วน โดยพัฒนาทั้ง Mindset และ Toolset
ก้าวต่อไปของ IND เราได้วางเป้าหมายในการเพิ่มสัดส่วนงานออกแบบพร้อมก่อสร้างโดยการขยายฐานลูกค้าจากภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ สู่ภาคเอกชนมากขึ้น และเสริมความมั่นคงโดยมีแผนเข้าร่วมประมูลงานในลักษณะ EPCI เพื่อต่อยอดธุรกิจก่อสร้าง ซึ่งเป้าหมายในอีก 5 ปีข้างหน้าจะเพิ่มการรับงานโครงการต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน และขยายสู่กลุ่มประเทศ กัมพูชา ลาว สหภาพเมียนมา และเวียดนาม หรือ CLMV เพื่อต่อยอดรายได้ในอนาคตและสร้างฐานธุรกิจของกลุ่มบริษัทฯ ให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
IND ถือเป็นผู้ประกอบธุรกิจด้านวิศวกรรมหลายรูปแบบ รวมทั้งการออกแบบพร้อมก่อสร้าง การควบคุมงานโครงการขนาดใหญ่ของรัฐบาล งานวางแผนแม่บท และงานออกแบบรายละเอียดที่อยู่ในระดับแถวหน้าของประเทศ สะท้อนได้จากความสำเร็จในการเข้าร่วมงานโครงการในอดีตที่ผ่านมา ซึ่งล้วนเป็นโครงการขนาดใหญ่ของกลุ่มลูกค้าที่มีชื่อเสียงและอาศัยความเชี่ยวชาญงานในด้านวิศวกรรมที่เกี่ยวข้องเป็นอย่างมาก นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ธุรกิจและผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของ IND เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง และเชื่อว่าจะได้เห็นภาพการเติบโตของบริษัทฯ ต่อจากนี้ยังคงเป็นเช่นนั้น โดยเป้าหมายการเติบโตของบริษัทฯอยู่ที่เฉลี่ยแต่ละปีอยู่ที่ระดับ 15%
อนันตเดช พงษ์พันธุ์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี