นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์เปิดเผยว่าเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 3 ของปี 2565 ขยายตัว 4.5% เร่งขึ้นจาก 2.3% และ 2.5% ในไตรมาสแรก และไตรมาสที่ 2 ของปี 2565 ตามลำดับ ด้านการใช้จ่าย การอุปโภค-บริโภคภาคเอกชน การลงทุนภาคเอกชน และการส่งออกบริการขยายตัวเร่งขึ้นการส่งออกสินค้าชะลอตัว ขณะที่การใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐปรับตัวลดลง ด้านการผลิตสาขาการผลิตสินค้าอุตสาหกรรมกลับมาขยายตัว สาขาที่พักแรมและบริการด้านอาหารสาขาการขายส่ง ขายปลีก และการซ่อมฯ สาขาขนส่งและสถานที่เก็บสินค้า และสาขาการไฟฟ้าและก๊าซฯ ขยายตัวเร่งขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า โดยแนวโน้มเศรษฐกิจไทยทั้งปี 2565 คาดว่าจะขยายตัว 3.2% อัตราเงินเฟ้อคาดว่าจะอยู่ที่6.3% และดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุล 3.6% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศหรือจีดีพี
สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2566 คาดว่าจะขยายตัว 3-4% โดยมีแรงสนับสนุนจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวการขยายตัวต่อเนื่องของอุปสงค์ในประเทศทั้งการบริโภคและการลงทุน โดยประมาณการเศรษฐกิจในปี 2566 ในด้านต่างๆ ดังนี้ 1.การใช้จ่ายเพื่อการอุปโภค-บริโภค โดยการใช้จ่ายเพื่อการอุปโภค-บริโภคภาคเอกชน คาดว่าจะขยายตัว 3%และการใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคภาครัฐบาลคาดว่าจะลดลง 0.1% เทียบกับการลดลง 0.2% ในปี 2565 สอดคล้องกับการลดลงของกรอบงบประมาณรายจ่ายประจำภายใต้งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 วงเงิน 2,489,923 ล้านบาทลดลง 1.8% จากกรอบวงเงิน 2,535,682 ล้านบาทในปีงบประมาณ 2565 และการลดลงของการใช้จ่ายภายใต้พระราชกำหนดเงินกู้ฯ 1 ล้านล้านบาทและ 5 แสนล้านบาท
2.การลงทุนรวม คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.5%เทียบกับ 2.6% ในปี 2565 โดยการลงทุนภาคเอกชน คาดว่าในปี 2566 จะขยายตัว 2.6% เทียบกับ 3.9% ในปี 2565 สอดคล้องกับแนวโน้ม การชะลอตัวลงของเศรษฐกิจโลกและภาคการส่งออก ขณะที่การลงทุนภาครัฐคาดว่าจะขยายตัว 2.4% เพิ่มขึ้นจากการลดลง 0.7% ในปี 2565 สอดคล้องกับการเพิ่มขึ้นของกรอบงบประมาณรายจ่ายลงทุนภายใต้งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 วงเงิน 695,077 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 13.5% จากวงเงิน 612,566 ล้านบาท ในปีงบประมาณ 2565 รวมถึงแรงสนับสนุนจากความคืบหน้าในการดำเนินการโครงการลงทุนทางด้านโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของรัฐวิสาหกิจ
3.มูลค่าการส่งออกสินค้าในรูปเงินดอลลารสหรัฐ คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1% เทียบกับ7.5% ในปี 2565 โดยคาดว่าปริมาณการส่งออกสินค้าจะเพิ่มขึ้น 1% ชะลอลงจาก 3.2%ในปี 2565 ตามแนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจและปริมาณการค้าโลก ราคาสินค้าส่งออกคาดว่าจะขยายตัวในช่วง (-0.5)-0.5% เทียบกับ 4.3% ในปี 2565 ขณะที่การส่งออกบริการขยายตัวดีขึ้นตามจำนวนและรายรับจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้น ในกรณีฐานคาดว่ารายรับจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ ในปี 2566 จะอยู่ที่ 1.2 ล้านล้านบาท เทียบกับ 0.57ล้านล้านบาท ในปี 2565 ส่งผลให้ปริมาณการส่งออกสินค้าและบริการในปี 2566 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 8.5% เทียบกับ 8.2% ในปี 2565
ขณะที่การบริหารนโยบายเศรษฐกิจในปี 2566 ควรให้ความสำคัญกับ 1.การดูแลแก้ไขปัญหาหนี้สินของลูกนี้รายย่อยทั้งในภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม 2.การดูแลการผลิตภาคเกษตรและรายได้เกษตรกร 3.การรักษาแรงขับเคลื่อนจากการส่งออกสินเค้า 4.การสนับสนุนการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวและบริการเกี่ยวเนื่อง 5.การส่งเสริมการลงทุนภาคเอกชน 6.การขับเคลื่อนการใช้จ่ายและการลงทุนภาครัฐ 7.การติดตามเฝ้าระวังและเตรียมมาตรการรองรับความผันผวนทางเศรษฐกิจและการเงินโลก และ 8.การติดตามเฝ้าระวังและเตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์การแพร่ระบาด และการกลายพันธุ์ของไวรัสโควิด-19
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี