นายวรวุฒิ กาญจนกูล นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน(HBA) เปิดเผยว่า จากแนวโน้มภาวะเศรษฐกิจปี 2566 มีความไม่แน่นอนสูงและยังมีปัจจัยเสี่ยงรอบด้าน HBA จึงร่วมกับสมาคมอาคารชุดไทย สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร และสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทยประสานขอเข้าพบ นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ในเร็วๆนี้ เพื่อยื่นหนังสือขอให้รัฐบาลต่ออายุมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังจะหมดอายุลงในวันที่ 31 ธันวาคม 2565
โดยเสนอขอให้ขยายเวลาอีก 1 ปี ให้มีผลมาตรการถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2566 รายละเอียด คือ 1.ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ประกาศแล้วว่าจะไม่มีการต่ออายุมาตรการผ่อนปรน LTV-loan to value ซึ่งผ่อนปรนให้สถาบันการเงินสามารถปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัย 100-110% สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2565 ผลกระทบที่จะเกิดขึ้น ทำให้การขอสินเชื่อซื้อบ้านและคอนโดมิเนียมจะถูกบังคับให้มีเงินดาวน์แพง สำหรับสินเชื่อซื้อบ้านหลังที่ 2-3 เป็นต้นไปโดยเพดานสินเชื่อผ่อนปรนจาก 100-110% จะลดเหลือ 80-90% ซึ่งหมายความว่าผู้กู้ต้องมีเงินดาวน์ 20-30% ในขณะนี้กำลังซื้อในภาพรวมไม่ได้ฟื้นตัวมากนัก
2.มาตรการลดค่าโอนและจดจำนองจาก 3% เหลือ 0.01% หรือล้านละ 30,000 บาท ลดเหลือล้านละ 300 บาท ทั้งการโอนบ้านใหม่และบ้านมือสอง จะหมดอายุวันที่ 31 ธันวาคม 2565 เช่นเดียวกัน สำหรับมาตรการนี้ข้อเสนอภาคเอกชนขอให้มีการขยายเพดานราคาจาก 3 ล้านบาท เป็น 5 ล้านบาทแรก เพื่อเป็นการกระตุ้นกำลังซื้อที่อยู่อาศัยทุกเซกเมนต์ทั้งตลาดบน-กลาง-ล่าง โดยรัฐจะได้ประโยชน์จากการเก็บภาษีในกลุ่มสอนค้าราคาสูงได้มากขึ้น
“มาตรการลดค่าโอนในปัจจุบันกำหนดเพดานไม่เกิน 3 ล้านบาท ซึ่งรัฐช่วยตลาดกลาง-ล่างเป็นหลัก มีสัดส่วน 40% ที่ผ่านมาได้ช่วยระบายสต๊อกสินค้ากลุ่มนี้ออกไปมากพอสมควรแล้ว ในขณะที่ยังมีสินค้าระดับกลาง-บนค้างในตลาดอีกจำนวนมาก ดังนั้นเพื่อกระตุ้นให้มีการตัดสินใจซื้อเร็วขึ้น จึงควรขยายเพดานราคาเป็น 5 ล้านบาท ซึ่งมีสัดส่วน 70-80% ของตลาดรวม โดยเสนอให้ผู้ซื้อทุกราคาสามารถใช้สิทธิ์ลดค่าโอน 5 ล้านบาทแรก เช่น ซื้อบ้าน 10 ล้านบาทได้รับสิทธิ์ลดค่าโอน-จดจำนอง 5 ล้านบาทแรก ส่วนราคา 6-10 ล้านบาท ให้เสียภาษีตามอัตราปกติ วิธีการนี้จะสร้างแรงจูงใจให้กำลังซื้อที่มีศักยภาพสูงเร่งตัดสินใจซื้อเร็วขึ้น รัฐก็ได้ประโยชน์มีรายรับภาษีมากขึ้น”นายวรวุฒิ กล่าว
สำหรับสถานการณ์ตลาดบ้านสร้างในปี 2565 มีการเติบโตที่ดี แสดงให้เห็นว่าความต้องการบ้านพักอาศัย (ลูกค้าเรียลดีมานด์) ยังมีอยู่ จึงน่าจะมีแรงส่งให้ตลาดรับสร้างบ้านในปี 2566 มีโอกาสขยายตัวต่อเนื่อง จากปัจจัยบวกแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจในปี 2566 และภาคการท่องเที่ยวที่มีสัญญาณฟื้นตัวชัดเจน
ทั้งนี้ผลดำเนินงาน HBA ปี 2565 เป็นการทำงานท่ามกลางความท้าทายและความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้น ทั้งสถานการณ์โควิด-19 ต้นทุนรับสร้างบ้านสูงขึ้นจากปัญหาค่าวัสดุและค่าแรงแพงขึ้น แต่ HBA สามารถสร้างการเติบโตได้ตามเป้าที่วางไว้ โดยมีตัวชี้วัดจากการจัดอีเว้นท์ 2 ครั้ง ได้แก่ งานรับสร้างบ้านและวัสดุ Focus 2022 มียอดจอง 4,000 ล้านบาท และงานรับสร้างบ้านและวัสดุ Expo 2022 สร้าง-เปลี่ยน-โลก มียอดจอง 4,300 ล้านบาท ทำสถิตินิวไฮในรอบ 18 ปีของการจัดงาน มีผู้เข้าชมงาน 12,000 คนคิดเป็นมูลค่าออเดอร์สร้างบ้านรวมกันไม่ต่ำกว่า 8,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ HBA มีการทำงานร่วมกับพันธมิตรในโครงการต่างๆ ที่ได้ริเริ่มและสานต่อความร่วมมือตั้งแต่ปี 2565 และต่อเนื่องในปี 2566 ได้แก่ โครงการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทนในภาคที่อยู่อาศัย, โครงการจัดทำมาตรฐานการก่อสร้างบ้านพักอาศัย, โครงการรับนักศึกษาทวิภาคี ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา และความร่วมมือกับคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดทำมาตรฐานการก่อสร้างบ้านพักอาศัยเพื่อการยกระดับคุณภาพงานให้แก่สมาชิก HBA และสร้างความเชื่อมั่นผู้บริโภค
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี