น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ประกาศเป้าหมายให้ปี 2565 เป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงโดยใช้โมเดลเศรษฐกิจ BCG ในการพลิกโฉมประเทศไทย ทำให้ประชาชนมีรายได้ และเกิดความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน โดยนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ระบุถึงความร่วมมือของทุกภาคส่วนที่ต่างเริ่มขับเคลื่อนโมเดลเศรษฐกิจ BCG อย่างเป็นระบบในช่วง 5-6 ปีที่ผ่านมา เปรียบเหมือนแม่น้ำร้อยสายที่สุดท้ายจะมาเป็นบรรจบเป็นแม่น้ำใหญ่ที่จะเกิดขึ้นภายใน 5-7 ปีข้างหน้า โดยมองว่าโอกาสของสินค้า BCG จะเติบโตขึ้นเป็นอันดับต้นในภูมิภาค เนื่องจากสินค้ารีไซเคิลหลายอย่างเริ่มได้รับการยอมรับและมีการส่งออกไปในต่างประเทศอีกทั้งต่อไปในนี้ในเขตเศรษฐกิจเอเปกได้มีข้อตกลงร่วมกันเกี่ยวกับเป้าหมายกรุงเทพฯ คือ โมเดลเศรษฐกิจ BCG เพราะฉะนั้นสินค้าที่ผลิตโดยรูปแบบ BCG จะได้รับการยอมรับ หรือลดเงื่อนไขของการซื้อขายระหว่างประเทศ
ขณะที่ผู้บริหารองค์กรชั้นนำ ทั้งนายชญาน์ จันทวสุ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบริหารความยั่งยืนและภาพลักษณ์องค์กร บริษัท พีทีที โกลบอลเคมิคอล และนายอุกฤษ อุณหเลขกะ เป็นผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการบริหาร กิจการเพื่อสังคม Startup ชื่อ Ricult (รีคัลท์) มองไปในทิศทางเดียวกันว่า โมเดล BCG คือ อุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ หรือ New S-curve ของประเทศไทย ทั้งนี้ นายชญาน์ ยกตัวอย่างบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล ที่เริ่มจากเอาวัตถุดิบการเกษตร จากน้ำมันปาล์มมาผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพที่ใส่ผสมน้ำมันและไบโอเคมิคอลที่นำน้ำมันปาล์มไปผลิตสารซักล้าง เช่น สบู่และแชมพูสระผม โดยเชื่อมั่นว่าต่อไปประเทศไทยจะเป็นฮับเรื่องไบโอพลาสติกที่ทั้งผลิตใช้ในประเทศและส่งออกเป็นอันดับต้นๆ ของโลก
น.ส.ทิพานันกล่าวว่า อีกทั้งนายชญาน์ ยังมองถึงโอกาสในการแข่งขันด้านสินค้าพลาสติกชีวภาพหรือไบโอพลาสติกทั้งในแง่ต้นทุนและคุณภาพสินค้า เนื่องจากปัจจุบันไทยใช้พลาสติกจำนวนมากปีหนึ่งประมาณ 2 ล้านตัน รีไซเคิลกลับมาใช้จริงในระบบประมาณ 5 แสนตันเท่านั้น ที่เหลือนำไปฝังกลบเสียส่วนใหญ่ซึ่งไม่มีมูลค่าและอาจเกิดการรั่วไหลไปยังสิ่งแวดล้อม ดังนั้นพลาสติกอีก 1.5 ล้านตัน ถ้ารวบรวมและแยกให้เป็นระบบมากขึ้น เข้าโรงงานรีไซเคิลจะทำให้รายได้กลับสู่ชุมชน จากการสำรวจปริมาณขยะพลาสติกและพลาสติกใช้แล้วทั่วประเทศ พบว่าทุกภาคมีปริมาณที่เหลือใช้มาก ถ้าสามารถเริ่มได้ทุกหมู่บ้านทั้ง 8 พันกว่าหมู่บ้าน หรือ 1 ตำบลมีสักแห่งหนึ่งการลงทุนในแง่ต้นทุนไม่สูงมาก ทุกคนสามารถทำได้เมื่อทำแล้วขยายผลไปทั่วประเทศ จะรวบรวมพลาสติกที่ใช้แล้วกลับมาเข้าโรงงานแล้วจะเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจที่ ได้มากพอสมควร ก็คงหลายหมื่นล้านบาท สร้างรายได้นับล้านบาทให้กับชุมชน โดยมีตัวอย่างที่ทำไปแล้ว 5-6 แห่ง ทุกแห่งรายได้เพิ่มขึ้นทั้งหมด ต่อแห่งเล็กๆ 2 ตำบลขยะพลาสติกต่อปีชุมชนต่อปีประมาณ 50 ตัน รายได้ประมาณ 1 ล้านบาท กำไรเข้าชุมชนหลายแสนบาท
ขณะที่ ในส่วนของนายอุกฤษมองถึงการดึงศักยภาพของเกษตรกรไทย ในการปรับการทำเกษตรให้มีรายได้มากขึ้นผลิตสินค้าเกรดพรีเมียมที่มีคุณภาพสูงมากขึ้น โดยนำนวัตกรรมใหม่ๆ และ BigData เข้ามาช่วยยกระดับ เนื่องจากตลาดในยุโรปและสหรัฐอเมริกาต้องการสินค้าที่ผ่านกระบวนการที่ไม่ทำลายโลก ประเทศไทยมีโอกาสที่จะผลิตสินค้าตอบโจทย์โลกได้ เพราะมีเกษตรกรจำนวนมากกว่า และเก่ง ถ้ามีโรงงานใหญ่สามารถแปรรูปเป็นไบโอพลาสติกเป็นเอทานอลได้ หรือแปรรูปข้าวมาเป็นวิตามิน หรือเป็นเครื่องสำอางมูลค่าของสินค้าเกษตรไทยจะมากขึ้น ราคารับซื้อจากเกษตรกรไทยก็จะมากตามไปด้วย ซึ่งนักลงทุนเห็นโอกาสของภาคเกษตรในประเทศไทย เงินลงทุนจะเข้ามามากมาย
จากการขับเคลื่อนโมเดล BCG ของภาคส่วนต่างๆ และจากมุมมองของผู้บริหารธุรกิจ สะท้อนทิศทางที่สดใสของโมเดล BCG ที่จะดึงดูดนักลงทุน ยกระดับธุรกิจในประเทศ เอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพ รวมทั้งชุมชนต่างๆ เป็น New S-curve ควบคู่ไปกับการสร้างอุตสาหกรรมใหม่อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ยา นวัตกรรมดิจิทัล ที่จะพลิกโฉมเศรษฐกิจไทยให้มีมูลค่าสูง และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี