นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่าส.อ.ท.ได้ให้การต้อนรับ นางแซรัป แอร์ซอย เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐตุรเคียแห่งราชอาณาจักรไทยและคณะสมาคมผู้ส่งออกเคมี และเคมีภัณฑ์แห่งอิสตันบูล (IKMIB) พร้อมผู้แทนจากสาธารณรัฐตุรเคียจาก 6 กลุ่มอุตสาหกรรม โดยมีการหารือถึงโอกาสในการดำเนินกิจกรรมทางการค้าและการลงทุนระหว่างสองประเทศ รวมทั้งผลักดันบทบาทของสภาธุรกิจไทย-ตุรเคียและหอการค้าไทย-ตุรเคีย ในการเป็นสื่อกลางทางการค้าระหว่างสองประเทศ
รวมทั้งมีการหารือระหว่างผู้แทนกลุ่มอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องจาก ส.อ.ท. ได้แก่ กลุ่มอุตสาหกรรมเคมี กลุ่มอุตสาหกรรมผู้ผลิตเครื่องมือแพทย์และสุขภาพ และกลุ่มอุตสาหกรรมพลาสติก และผู้แทนจาก IKMIB จำนวน 29 บริษัท โดยเน้นแลกเปลี่ยนข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการค้าและการลงทุนระหว่างกัน รวมทั้งความเป็นไปได้ในการเปิดตลาดใหม่ของทั้งสองประเทศ
นายเกรียงไกรกล่าวว่านอกจากนี้ส.อ.ท. ยังได้มีโอกาสหารือกับนายชลธิศ เอี่ยมวรวุฒิกุล ประธานสภาคณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์แห่งประเทศไทย และคณะ เพื่อขอคำแนะนำเกี่ยวกับทักษะของวิศวกรและวิชาชีพวิศวกรรม ที่ภาคอุตสาหกรรมต้องการ และทิศทางของอุตสาหกรรมไทย
โดยการหารือครั้งนี้ส.อ.ท.ได้แนะนำภาพรวมอุตสาหกรรม ดังนี้ 1.กลุ่มอุตสาหกรรมเดิม ประกอบไปด้วย45 กลุ่มอุตสาหกรรม11 คลัสเตอร์ กระจายอยู่ใน 76 จังหวัดทั่วประเทศ กลุ่มนี้เป็นอุตสาหกรรมดั้งเดิมประกอบกิจการมา 40-50 ปี ที่กำลังได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล ซึ่งอยากให้ภาคการศึกษาช่วยภาคอุตสาหกรรมในการสร้างบุคลากร 2.กลุ่มอุตสาหกรรมใหม่เป็นอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยด้วยนวัตกรรม สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเศรษฐกิจ
พร้อมกันนี้ส.อ.ท.ยังได้นำเสนอแนวทางการปรับตัวของอุตสาหกรรมในอนาคต ซึ่งต้องครอบคลุมการดำเนินงานที่มุ่งสู่โมเดล BCG หรือเศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว การนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาปรับใช้ในอุตสาหกรรม การสร้างความมั่นคงทางด้าน Supply chain การนำพลังงานทดแทนเข้ามามีบทบาทในภาคอุตสาหกรรม การ Upskill และ Reskill ทักษะแรงงาน ตลอดจนการรับมือกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate change)
อนึ่ง ก่อนหน้าส.อ.ท. เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนพฤศจิกายน 2565 อยู่ที่ระดับ 93.5 ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากเดือนตุลาคม 2565 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 93.1 โดยปัจจัยสนับสนุนมาจากการฟื้นตัวของอุปสงค์ในประเทศ การขยายตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ขณะที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมาสู่ภาวะปกติ ส่งผลดีต่อการบริโภคและการใช้จ่ายในประเทศ ขณะเดียวกัน ภาคการก่อสร้างมีทิศทางที่ดีขึ้นภายหลังสถานการณ์น้ำท่วมคลี่คลาย ส่งผลให้ความต้องการสินค้าวัสดุก่อสร้างเพื่อซ่อมแซมที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น ส่วนปัญหาการขาดแคลนชิพมีทิศทางดีขึ้น ส่งผลดีต่อการผลิตสินค้ายานยนต์ และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี