นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยผลสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคช่วงเทศกาลตรุษจีน เป็นการสำรวจ 1,250 ตัวอย่างทั่วประเทศ ในช่วงวันที่9-15 มกราคม 2566 พบว่า กลุ่มตัวอย่าง 45% มีการไหว้เจ้าในช่วงเทศกาลตรุษจีน เนื่องจากมีคนในครอบครัวมีเชื้อสายจีน และ 38.4% มองว่าค่าการใช้จ่ายในช่วงตรุษจีนปี 2566 เพิ่มขึ้น เนื่องจากราคาสินค้าแพงขึ้น ภาวะเศรษฐกิจดีขึ้น และได้รับโบนัสเพิ่มขึ้นรวมถึงมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐทำให้มีการใช้จ่ายมากขึ้น และยังมองว่าราคาของเซ่นไหว้ในช่วงตรุษจีนปี 2566 แพงขึ้นมาก แต่ยังคงซื้อสินค้าเท่าเดิม เพราะมีปีละ 1 ครั้งเท่านั้น ในขณะที่ยังมีการวางแผนให้เงินแต๊ะเอียและไปทำบุญ

นอกจากนี้ส่วนหนึ่งยังคงมีการวางแผนท่องเที่ยว ถึงแม้ส่วนใหญ่คือ 70.3% จะไม่ได้มีการวางแผนเดินทางท่องเที่ยว เนื่องจากได้เดินทางไปแล้วในช่วงเทศกาลปีใหม่ และยังกังวลโควิด-19ส่งผลทำให้เงินสะพัดในช่วงเทศกาลตรุษจีนปี 2566ขยายตัวเพิ่มขึ้น 13.6% เป็นบวกครั้งแรกในรอบ 4 ปี คิดเป็นมูลค่ากว่า 45,017 ล้านบาท สูงสุดในรอบ 3 ปี จากประมาณการตัวเลขเศรษฐกิจขยายตัวที่ 3.6%

ทั้งนี้การจับจ่ายใช้สอยในช่วงตรุษจีนยังเป็นรูป K-shape การฟื้นตัวเกิดขึ้นจากคนชั้นกลางขึ้นไป ที่พร้อมจะจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ขณะที่
ผู้ที่มีรายได้ปานกลาง-น้อย ยังระมัดระวังในการจับจ่ายใช้สอย แต่ในส่วนของความคึกคักในช่วงตรุษจีนส่วนใหญ่มองว่าเท่าเดิม-มากขึ้นกว่าปีก่อน

“สำหรับการขอพรในช่วงตรุษจีนปี 2566ประชาชนขอให้สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ ทรงหายจากพระอาการประชวรในเร็ววัน ขอให้สมเด็จพระบรมราชนนีพันปีหลวง ในรัชกาลที่ 9 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ทรงมีพระพลานามัยแข็งแรง ส่วนการขอพรให้กับตัวเองนั้น ขอให้ฐานะทางการเงินดีขึ้น ขอให้สุขภาพแข็งแรง ขอให้มีแต่สิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิต รวมถึงขอให้มีโชคลาภ และการงานที่มั่นคงต่อไป”นายธนวรรธน์ กล่าว