นายประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน)เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์เริ่มฟื้นตัวในปี 2565 จากมาตรการรัฐลดค่าธรรมเนียมโอนกรรมสิทธิ์ และมาตรการผ่อนคลาย LTV ทำให้เกิดการกระตุ้นการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยของผู้บริโภค ส่วนแนวโน้มปี 2566คาดว่าเศรษฐกิจจะเติบโตดีขึ้นต่อเนื่อง กำลังซื้อจากต่างชาติจะกลับมาคึกคักอีกครั้งรวมทั้งมีปัจจัยบวกจากการต่อลดค่าธรรมเนียมการโอนจาก 2% เหลือ 1% และลดค่าจดจำนองจาก 1% เหลือ 0.01% ส่งผลให้เป็นปีที่ดีแม้จะมีเรื่องภาวะเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น

สำหรับการดำเนินธุรกิจของบริษัทนั้น ได้ขยายการลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศคือที่ออสเตรเลีย ลงทุนแล้ว 12 โครงการมูลค่ารวม 52,600 ล้านบาท เป็นเงินลงทุนของบริษัท 9,748 ล้านบาท ซึ่งมีการเติบโตเป็นที่น่าพอใจมาก นอกจากนี้ ยังมีการลงทุนธุรกิจอื่นๆ เช่น Resort Housing ที่โครงการ “ศุภาลัยซีนิค เบย์ พูล วิลล่า ภูเก็ต”, Rental Office ที่โครงการ “ศุภาลัย ไอคอน สาทร”, Serviced Condo ในหลายโครงการ, Home Officeที่โครงการ “ศุภาลัยแกรนด์ เอสเซ้นส์ @ ท่าพระ อินเตอร์เชนจ์” ,Community Mall /Market ในจังหวัดหัวเมืองใหญ่ และCo-Working แบรนด์ “MEET & CO” ที่อาคาร “ศุภาลัย แกรนด์ ทาวเวอร์” เป็นต้น

ส่วนด้านนวัตกรรมการออกแบบที่อยู่อาศัย มีการดีไซน์แบบบ้านซีรี่ส์ใหม่ อาทิRomantic Charm และ Wellness Residence เดินหน้าพัฒนาโครงการแนวราบราคา 10-30 ล้านบาท เพิ่มมากขึ้น ทั้งในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล และต่างจังหวัด เจาะลูกค้าระดับบน ซึ่งที่ผ่านมาเปิดตัวแบรนด์ “เอเลแกนซ์” ได้แก่ โครงการ “ศุภาลัย เอเลแกนซ์ บรมราชชนนี 121” แบบบ้านเดี่ยวใหม่ล่าสุด 3 แบบ 3 สไตล์ ระดับลักชัวรี่ ราคาเริ่มต้น 20-30 ล้านบาท และ“ศุภาลัย เอเลแกนซ์ พหลโยธิน 50” บ้านเดี่ยวหรู 3 ชั้น ในสไตล์ Modern Metro เริ่มต้น 17.99 ล้านบาท

นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปี 2565 ที่ผ่านมา บริษัททำผลงานได้ประสบความสำเร็จ มียอดขายทะลุเป้าที่ตั้งไว้ 28,000 ล้านบาท โดยทำได้ถึง 32,433 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35% จากปี 2564 ที่ทำได้ 24,069 ล้านบาทซึ่งปี 2565 มีการเปิดตัวโครงการใหม่ 31 โครงการ มูลค่ารวม 37,800 ล้านบาท แบ่งเป็นบ้านแนวราบ 28 โครงการ และคอนโดมิเนียม 3 โครงการ

สำหรับแผนธุรกิจปี 2566 นี้บริษัทตั้งเป้ายอดขาย 36,000 ล้านบาท เป้ารายได้ 36,000 ล้านบาท โดยวางแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 37 โครงการ แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 34 โครงการ มูลค่ารวม 32,700 ล้านบาทและคอนโดมิเนียม 3 โครงการ มูลค่ารวม 8,300 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 41,000ล้านบาท และได้ตั้งงบจัดซื้อที่ดินไว้ประมาณ 8,000 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทได้พัฒนาโครงการแล้วใน 28 จังหวัด และในปี 2566 นี้จะพัฒนาโครงการใน 5 จังหวัดใหม่ ได้แก่ ลำปาง ลำพูน นครปฐม ราชบุรี และจันทบุรี