นายวันชัย วราวิทย์ รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้รับมอบหมายจาก นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ให้เป็นผู้แทนเข้าร่วมในการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน อย่างไม่เป็นทางการ (AEM Retreat) ครั้งที่ 29 ซึ่งมีขึ้นระหว่างวันที่ 21-22 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา ณ เมืองมาเกอลัง ประเทศอินโดนีเซีย เพื่อพิจารณาประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจของอาเซียนที่จะผลักดันในปี 2566 นี้ และหารือแนวทางการเพิ่มศักยภาพการเป็นตลาดและฐานการผลิตของอาเซียนให้เข้มแข็ง ทั้งนี้ ติมอร์-เลสเต ได้เข้าร่วมในการประชุมครั้งนี้เป็นครั้งแรก ในฐานะสมาชิกสังเกตการณ์ของอาเซียนอีกด้วย
โดยในที่ประชุมได้เห็นชอบประเด็นสำคัญด้านเศรษฐกิจ ที่ประเทศอินโดนีเซียในฐานะประธานอาเซียนผลักดันให้บรรลุผลในปี 2566 นี้ ซึ่งจะเน้นการฟื้นฟูเศรษฐกิจด้วยศักยภาพใหม่ๆ การสร้างสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่อำนวยความสะดวกต่อภาคธุรกิจ โดยเฉพาะวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (MSMEs) การยกระดับความตกลงการค้าเสรี (FTA) อาเซียน และอาเซียนกับคู่เจรจา การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานรองรับการเชื่อมโยงกันอย่างไร้รอยต่อ ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลและสภาพแวดล้อมที่สนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืน อาทิ การพัฒนาระบบนิเวศด้านยานยนต์ไฟฟ้า และการพัฒนาภาคการเงิน เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจสีเขียวและการเงินที่ยั่งยืน
ทั้งนี้ อาเซียนเห็นพ้องจะร่วมมือกันเพิ่มศักยภาพการเป็นตลาดและฐานการผลิตให้เข้มแข็งขึ้น เพื่อให้การค้าในภูมิภาคขยายตัวถึง 2 เท่า จากมูลค่า 5.9 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2560 เป็น 1.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2568 ที่ประชุมจึงผลักดันให้เร่งการเจรจายกระดับความตกลงการค้าสินค้าอาเซียน (ATIGA)และการจัดทำความตกลงเศรษฐกิจดิจิทัลของอาเซียน (DEFA) เพื่อยกระดับมาตรฐานอาเซียนให้ทันสมัย และรองรับประเด็นการค้าใหม่ๆ โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจหมุนเวียนและเศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งจะครอบคลุมการค้าไร้กระดาษและการชำระเงินด้วยดิจิทัล เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกทางการค้า และนำไปสู่การเพิ่มมูลค่าการค้าภายในอาเซียน รวมทั้งสนับสนุนการเริ่มจัดทำยุทธศาสตร์ความเป็นกลางทางคาร์บอนของอาเซียน เพื่อเสริมศักยภาพทางแข่งขันของอาเซียน และดึงดูดการลงทุนและเทคโนโลยีใหม่ๆ มายังภูมิภาคให้มากขึ้น
นอกจากนี้ ที่ประชุมได้หารือกับสภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียน (ASEAN-BAC) โดยชูแนวคิดหลัก “ASEAN Centrality: Innovating Towards Greater Inclusivity” ซึ่งภาคเอกชนเน้นความสำคัญเรื่องการอำนวยความสะดวกทางการค้าและการลงทุน ลดอุปสรรคทางการค้าการใช้ประโยชน์จาก FTA ของอาเซียนที่มีอยู่ การใช้ระบบ e-formD อย่างเต็มรูปแบบผ่านระบบศุลกากรอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียว และการยกระดับมาตรฐานและประสานกฎระเบียบที่เกี่ยวกับแรงงานฝีมือ อีกทั้ง ASEAN-BAC ยังเสนอให้ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจของอาเซียน การพัฒนาอย่างยั่งยืน การบรรลุเป้าหมาย Net Zero การพร้อมรับมือกับปัญหาด้านสาธารณสุขและโรคระบาด และการสร้างความเข้มแข็งเรื่องความมั่นคงทางอาหาร โดย ASEAN-BAC ได้เสนอโครงการที่จะดำเนินการในปี 2566 จำนวน 8 โครงการ อาทิ ASEAN QR Code สนับสนุนการชำระเงินด้วยระบบดิจิทัลในอาเซียน ASEAN Net Zero ส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียน และ ASEAN One Shot Campaign จะช่วยจัดหาวัคซีนและการเข้าถึงเรื่องสาธารณสุข
นายวันชัยกล่าวว่า ภาพรวมการค้าระหว่างไทยกับอาเซียนในช่วงเดือนมกราคม 2566 มีมูลค่าอยู่ที่ 9,365 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพิ่มขึ้น 1.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยไทยมียอดการส่งออกสินค้าไปอาเซียน มูลค่า 5,044 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และไทยมีการนำเข้าสินค้าต่างๆ จากอาเซียน เป็นมูลค่า 4,322 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งตลาดคู่ค้าสำคัญ คือ มาเลเซีย อินโดนีเซีย เวียดนาม สิงคโปร์ และฟิลิปปินส์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี