นายวสิษฐ แต้ไพสิฐพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) หรือ BTG เปิดเผยว่า ภาพรวมการบริโภคอาหารปี 2566 มีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง หลังจากโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย และมีดีมานด์เพิ่มขึ้นจากการเปิดประเทศ ส่งผลให้เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว และทำให้อัตราการบริโภคขยายตัวอย่างมีนัยสำคัญ แม้ในระยะสั้นสถานการณ์ราคาสุกรมีชีวิต จะมีความผันผวนได้บ้าง เนื่องจากในช่วงปลายปี 2565 ถึงต้นปี 2566 มีการลักลอบนำเข้าสุกรตัดแต่ง และมีการเพิ่มน้ำหนักของสุกรขุน ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างราคาสุกรในไทย อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันทิศทางราคาสุกรเริ่มปรับตัวดีขึ้นและจะกลับมามีเสถียรภาพ หากมีการบริหารซัพพลายที่ดี
ในขณะที่แนวโน้มราคาและการส่งออกไก่เนื้อคาดการณ์ว่าจะกลับมาขยายตัวดีขึ้นในไตรมาส 2/2566 และไตรมาส 3/2566 เทียบกับไตรมาส 1/2566 ที่ชะลอตัวจากปัจจัยดังกล่าว เบทาโกรจึงวางกลยุทธ์ในการขับเคลื่อนธุรกิจก้าวสู่แบรนด์ธุรกิจอาหารชั้นนำระดับสากล เพื่อสร้างความแข็งแกร่งและการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ภายใต้ 4 กลยุทธ์หลัก ได้แก่ 1.มุ่งขยายกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างรากฐานการผลิตผลิตภัณฑ์ตลอดห่วงโซ่อุปทานให้มีความแข็งแกร่ง รองรับกับการเติบโตทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยจะลงทุนขยายกำลังผลิตในโรงงานแห่งใหม่ และการปรับปรุงโรงงานที่มีอยู่เดิมให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รองรับกับโอกาสการขายที่เพิ่มมากขึ้น
2.สร้างมูลค่าเพิ่มผลิตภัณฑ์และช่องทางจำหน่าย เบทาโกรมุ่งให้ความสำคัญการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มธุรกิจอาหารและโปรตีนที่มีมูลค่าเพิ่ม ประกอบด้วย ผลิตภัณฑ์ไก่และสุกร ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่จะสร้างการเติบโตในปี 2566 นี้ อีกทั้งยังมุ่งขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูป ในกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมปรุงและพร้อมรับประทาน เพื่อรองรับกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคใหม่ที่มีความเร่งรีบ จึงทำให้ตลาดมีศักยภาพเติบโตต่อเนื่อง
โดยวางเป้าหมายกลุ่มอาหารสำเร็จรูป จะมีสัดส่วนรายได้เกือบ 10% ในปี 2568 จากปี 2565 อยู่ที่ 5% พร้อมทั้งเดินหน้าขยายช่องทางจัดจำหน่ายที่สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์สู่ช่องทางร้านค้าปลีกสมัยใหม่ ช่องทางผู้ให้บริการด้านอาหาร ช่องทางจัดจำหน่ายของ “เบทาโกร ช็อป” และร้าน “เบทาโกร เดลี่” เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างกว้างขวางและสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
3.มุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียม เบทาโกร นำความแข็งแกร่งของศูนย์วิจัยและพัฒนา (Research and Development Center-RDC) และศูนย์นวัตกรรมที่มีความเชี่ยวชาญในแต่ละกลุ่มธุรกิจ มุ่งวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียม 3 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ กลุ่มธุรกิจอาหารและโปรตีน โดยศูนย์นวัตกรรมอาหาร (Food Innovation Center - FIC) ซึ่งมีแบรนด์ “S-Pure” เป็นผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ซูเปอร์พรีเมียมคุณภาพสูง ตอบโจทย์เทรนด์ผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพและโภชนาการที่ดี มุ่งขยายฐานผู้บริโภคในระดับพรีเมียม, กลุ่มธุรกิจสัตว์เลี้ยง โดยศูนย์นวัตกรรมสัตว์เลี้ยง (Pet Innovation Center-PIC) ที่เน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์พรีเมียม ตอบโจทย์ Health & Wellness และกลุ่มธุรกิจเกษตร โดยศูนย์นวัตกรรมการเกษตร (Agro Innovation Center - AIC) ที่จะพัฒนาอาหารสุกร อาหารโค และอาหารไก่ไข่ ที่เป็นเกรดพรีเมียม รับกับความต้องการในผลิตภัณฑ์พรีเมียมที่เพิ่มขึ้น
4.การขยายธุรกิจสู่ตลาดต่างประเทศ ในกลุ่มธุรกิจต่างประเทศวางแผนลงทุนในกัมพูชา ลาว และ เมียนมา โดยสร้างโรงงานแห่งใหม่ และปรับปรุงโรงงานเดิมให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น รวมทั้งสนใจการลงทุนร่วมกับผู้ประกอบการเวียดนาม นอกจากนี้ยังเดินหน้าขยายตลาดส่งออกใหม่ในประเทศอื่นๆ จากปี 2565 มีมากกว่า 20 ประเทศทั่วโลก โดยสนใจขยายการส่งออกสู่ตลาดยุโรป ตลอดจนขยายผลิตภัณฑ์ใหม่และช่องทางจัดหน่ายที่สร้างมูลค่าเพิ่ม เช่น สิงคโปร์ ฮ่องกง และส่งออกกลุ่มผลิตภัณฑ์ปรุงสุก อาทิ ไก่ปรุงสุกบุกตลาดอาเซียน ญี่ปุ่น และยุโรป รวมทั้งมุ่งสร้างแบรนด์ “S-Pure” และ “BETAGRO” ตอกย้ำและสร้างการรับรู้ให้กับกลุ่มผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง
“จากการวางกลยุทธ์ปี 2566 เพื่อขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องทั้งในไทยและต่างประเทศ ทั้งลงทุนสร้างรากฐานผลิตอย่างแข็งแกร่งในภูมิภาคอาเซียน การไม่หยุดนิ่งสร้างสรรค์อาหารและช่องทางจำหน่ายที่สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ การขยายพอร์ตโฟลิโอผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียม รวมทั้งความสามารถในการควบคุมต้นทุนราคาวัตถุดิบ ด้วยระบบฐานข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ และการมุ่งเน้นสินค้าในกลุ่มธุรกิจอาหารและโปรตีนที่ได้อัตรากำไรที่ดีกว่า เพื่อลดผลกระทบของความผันผวนของราคาเนื้อสัตว์ จะผลักดันให้ยอดขายปี 2566 เติบโต 5-10% ตามเป้า”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี