นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ SPALI เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาส 1/2566 บริษัทยังคงรักษาการเติบโตที่มั่นคงอย่างต่อเนื่อง โดยสามารถสร้างยอดขายรวมได้ถึง 9,029 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2565 ซึ่งมียอดขาย 7,408 ล้านบาท และเพิ่มขึ้น 2% จากช่วงเดียวกันของปี 2565 ที่มียอดขาย 8,852 ล้านบาท แบ่งสัดส่วนเป็นยอดขายจากโครงการคอนโดมิเนียมที่เปิดใหม่และสร้างเสร็จพร้อมอยู่ 2,649 ล้านบาท และจากโครงการแนวราบ 6,380 ล้านบาท

โดยยอดขายที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวมาจากการตอบรับที่ดีของลูกค้าในทุกทำเล ไม่ว่าจะเป็นโครงการที่มีสินค้าสร้างเสร็จพร้อมอยู่ รวมถึงโครงการที่เปิดตัวใหม่ จึงส่งผลให้บริษัทสามารถสร้างยอดขายได้แล้วถึง 25% ของเป้าหมายยอดขายรวมในปี 2566 ที่ตั้งไว้ 36,000 ล้านบาท ยอดขายที่เพิ่มขึ้นมาจากตลาดอสังหาริมทรัพย์ภูมิภาค ซึ่งยังคงได้รับความสนใจและเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งยอดขายกลุ่มสินค้าแนวราบ 4,052 ล้านบาท เติบโต 17% และคอนโดมิเนียม 316 ล้านบาท เติบโต 108% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2565

สำหรับทำเลยอดนิยมของลูกค้าในลำดับต้นๆ คือ ภูเก็ต ชลบุรี สงขลา และระยอง ซึ่งดีมานด์หรือความต้องการอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดต่างๆยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการกลับเข้ามาในไทยของนักท่องเที่ยวต่างชาติ อีกทั้งไฮไลท์ที่น่าสนใจคือ การเปิดตัวโครงการแนวราบระดับ Luxury แบรนด์ “เอเลแกนซ์” และ “เลควิลล์” พร้อมกัน 2 โครงการ หนุนพลังงานสะอาด โดยการติดตั้งโซลาร์เซลล์ ในทำเลกรุงเทพฯและปริมณฑล รวมถึงโครวงการคอนโดมิเนียมที่เจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ โครงการ“ซิตี้โฮม สนามบินน้ำ-รัตนาธิเบศร์” และโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและสร้างเสร็จพร้อมอยู่ ในทุกทำเล ทุกเซ็กเมนต์ก็ยังคงได้รับผลตอบรับที่ดีจากลูกค้าเช่นกัน

ทั้งนี้ในช่วงไตรมาส 1/2566 บริษัทได้มีการเปิดตัวโครงการแนวราบและโครงการคอนโดมิเนียม ทั้งในทำเลกรุงเทพฯ ปริมณฑล และภูมิภาค ไปแล้ว จำนวน 4 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 4,550 ล้านบาท เป็นโครงการแนวราบ 3 โครงการ และโครงการคอนโดมิเนียม 1 โครงการ

ส่วนภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงที่ผ่านมาและแนวโน้มในช่วงไตรมาส 2/2566 นั้น เริ่มเห็นสัญญาณบวกอย่างต่อเนื่องจากการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจจากภาคการท่องเที่ยว รวมทั้งจำนวนโครงการใหม่ที่ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์จะทยอยเปิดตัวมากขึ้นด้านซัพพลายที่ตอบโจทย์ตลาดระดับกลาง-บนขึ้นไป ก็ยังคงได้รับการตอบรับที่ดี โดยบริษัทเชื่อว่าการแข่งขันทั้งเพื่ออยู่อาศัยและเพื่อการลงทุนในช่วงไตรมาส 2/2566 จะเข้มข้นกว่าในช่วงไตรมาส 1/2566

สำหรับโครงการของบริษัทยังมีการเปิดขายทั้งโครงการคอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว และทาวน์โฮม ทั้งในทำเลกรุงเทพฯ ปริมณฑล และภูมิภาค ในทุกระดับราคา ครอบคลุมความต้องการของลูกค้าทุกเซ็กเมนต์ รวมถึงมีนวัตกรรมเพื่อการให้บริการลูกค้าอย่างเต็มที่ โดยบริษัทมั่นใจว่าปี 2566 จะเป็นปีที่บริษัทมีการเติบโตด้านยอดขายอย่างต่อเนื่อง พร้อมเดินหน้าตามแผนธุรกิจด้วยความพร้อมทางด้านต้นทุนทางการเงิน การบริหารความเสี่ยง การสร้างสรรค์สินค้าและนวัตกรรมต่างๆ การตลาดและการขาย รวมถึงการบริการอย่างครบวงจรและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม