นายพีระภัทร ศิริจันทโรภาส กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาร์จ แมเนจเม้นท์ (SHARGE) ผู้ประกอบธุรกิจสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า(อีวี) เปิดเผยถึงข้อเสนอ

การกระตุ้นให้เกิดการใช้อีวีในไทย ต่อรัฐบาลใหม่ ว่า รัฐบาลจะต้องออกนโยบายจูงใจ 4 ข้อ ได้แก่ 1.เปลี่ยนเงื่อนไขภาษีผู้ผลิตอีวี โดยยกเว้นภาษีนำเข้าและภาษีสรรพสามิตชิ้นส่วนและอะไหล่ให้กับบริษัทที่ผลิตรถอีวีภายในประเทศไทย เพิ่มจำนวนผู้ผลิตรถอีวีเพื่อลดความเสี่ยงในการผูกขาด กระตุ้นให้เกิดการแข่งขันและพัฒนาขีดความสามารถของผู้ผลิตในประเทศ

2.ปั้นบุคลากรด้านอีวีโดยส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรในประเทศให้มีความเชี่ยวชาญด้านอีวีตั้งแต่ขั้นตอนการผลิตรถอีวี ไปจนถึงการซ่อมบำรุง พร้อมทั้งสร้างอาชีพ ช่วยให้กลุ่มช่างยนต์เดิม มีความรู้ความสามารถที่ทันสมัย มีรายได้ต่อเนื่องในยุคเปลี่ยนผ่าน

3.เปิดทางนโยบายลดต้นทุน กระตุ้นการเปลี่ยนผ่าน การลงทุนแรกเริ่มที่สูงทั้งค่ายานยนต์และอุปกรณ์ ทำให้ผู้ประกอบการตัดสินใจนำอีวีเข้ามาใช้ในธุรกิจ การเปิดโอกาสให้ตลาดแข่งขันหลายราย ผู้ให้บริการที่มีใบอนุญาตเข้าถึงรถบรรทุก-รถโดยสารอีวีโครงสร้างพื้นฐานอีวีมีต้นทุนเหมาะสม อาทิ อุปกรณ์ชาร์จอีวี ดึงดูดให้ผู้ประกอบการเห็นโอกาสในการเข้ามาลงทุนและพัฒนาเครือข่ายขนส่งสาธารณะอีวีมากขึ้น 4.ปลดล็อกค่าไฟอีวี ภาครัฐควรปลดล็อกเงื่อนไขโครงการค่าไฟฟ้าสำหรับสถานีอัดประจุไฟฟ้าอัตราพิเศษหน่วยละ 2.63 บาท จำกัดเฉพาะสถานีชาร์จอีวีสาธารณะ ให้ขยายไปยังผู้ประกอบการทั่วไป อาทิ อู่แท็กซี่อีวี ช่วยคนขับมีรายได้เพิ่มขึ้น ค่าใช้จ่ายลดลง เนื่องจากต้นทุนพลังงานไฟฟ้าประมาณ 1 บาทต่อกิโลเมตร ขณะที่ราคาก๊าซธรรมชาติอยู่ที่ 2 บาทต่อกิโลเมตร

“ถ้าไทยสามารถผลักดันแนวคิดอากาศดี มีรายได้ ค่าใช้จ่ายลดให้เกิดขึ้นจริงได้ จะช่วยยกระดับ อีวี อีโคซิสเท็ม ขับเคลื่อนเศรษฐกิจมหภาคของประเทศ ดึงดูดนานาชาติเข้าร่วมตั้งฐานการผลิตและยกระดับคุณภาพการผลิตรถอีวีในไทย”นายพีระภัทรกล่าว

ทั้งนี้การจะเดินหน้าสร้างโมเมนตัมต่อไปได้ หน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้องกับระบบนิเวศ อีวี หรือ อีวี อีโค่ซิสเต็มอาจต้องกลับมาทบทวนกฎระเบียบและการสนับสนุนในปัจจุบันให้เอื้อกับผู้ประกอบการ เพื่อผลักดันให้ใช้ อีวี ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพดังนี้ 1.ปรับปรุงกฎหมายให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน พิจารณากฎหมายที่อาจจะปิดกั้น อีวี เข้าสู่ตลาด เช่น ข้อกำหนดเรื่องรถแท็กซี่ต้องมีเครื่องยนต์ 1.6 ลิตรขึ้นไป ขณะที่รถ อีวี ปัจจุบันไม่มีเครื่องยนต์ ทำให้ไม่สามารถนำรถ อีวี มาเป็นแท็กซี่ได้ 2.การสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐาน โดยการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานใหม่ๆ เพื่อสนับสนุนให้เกิดการใช้ อีวี ทำให้คนทุกกลุ่มเข้าถึง อีวี ได้ง่าย

3.การกระตุ้นให้เกิดผู้ใช้ อีวี ใหม่ อาจต้องพิจารณาสนับสนุนด้านภาษีหรือสิทธิประโยชน์ แก่ผู้ประกอบการ เช่น ผู้ประกอบการโลจิสติกส์
ที่นำรถ อีวี มาใช้เป็นครั้งแรก หรือมีอัตราค่าไฟฟ้าพิเศษ และ 4.การสร้างประโยชน์ต่อประเทศ พิจารณาประโยชน์จากการใช้ อีวี อย่างเต็มประสิทธิภาพ เช่น ประโยชน์ด้านสิ่งแวดล้อม สุขภาพ การแข่งขันด้านต้นทุนการผลิต เป็นต้น