ในเดือนเมษายน 2566 บรรยากาศการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกได้กดดันการส่งออกไทยให้หดตัวมากกว่าที่คาดการณ์ แม้มีปัจจัยฐานที่น้อยกว่าเดือนก่อนหน้าแต่ผลของอุปสงค์ที่ลดลงกลับกดดันการส่งออกไทยให้เผชิญกับการหดตัวมากขึ้นที่ -7.6% (YoY) นับเป็นการหดตัว 7 เดือนติดต่อกัน โดยปัจจัยที่มีผลต่อการส่งออกในเดือนนี้มาจากการส่งออกไปยังคู่ค้าสำคัญของไทยหดตัวเกือบทั้งหมด โดยสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตลาดส่งออกที่มีสัดส่วนมูลค่าการส่งออกมากที่สุดหดตัวที่ -9.6% (YoY) หลังกลับมาขยายตัวเล็กน้อยในเดือนก่อนหน้า โดยเฉพาะสินค้าสำคัญอย่างคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบที่มีมูลค่าการส่งออกต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2562 เนื่องจากอุปสงค์ที่เร่งตัวในเดือนก่อนหน้าขณะที่เดือนนี้แผ่วลงจากความกังวลที่เพิ่มขึ้นจากความเสี่ยงในการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปีนี้ เช่นเดียวกับตลาดยูโรโซนและญี่ปุ่นหดที่ตัว -8.2% (YoY) และ -8.1% (YoY) ตามลำดับ
นอกจากนี้ การส่งออกไปยังตลาดสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ที่เคยเป็นแรงหนุนของการส่งออกไทยในช่วงก่อนหน้าท่ามกลางเศรษฐกิจในตลาดหลักที่ชะลอตัวก็กลับมาหดตัวลึกในเดือนนี้โดยเป็นผลมาจากการส่งออกสินค้าสำคัญหลายรายการที่หดตัวตามอุปสงค์ที่ลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า อาทิ การส่งออกข้าวที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญหลังมีมาตรการกระตุ้นยอดขายของภาครัฐในปีก่อนหน้าโดยขณะนี้อุปสงค์ได้กลับสู่ระดับปกติ อย่างไรก็ตามการส่งออกไทยยังมีปัจจัยบวกจากการส่งออกไปยังตลาดจีนที่กลับมาขยายตัวได้ในรอบ 10 เดือนที่ 23.0% (YoY)โดยฉพาะการขยายตัวในกลุ่มสินค้าเกษตร เช่น ผลไม้สดและแช่แข็ง ไก่ ข้าว เป็นต้น เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากระบบขนส่งที่มีศักยภาพมากขึ้น ผ่านการขนส่งทางรถไฟระหว่างไทย-จีนที่เอื้ออำนวยและลดระยะเวลาในการขนส่งสินค้าดังกล่าว ประกอบกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนที่จะปัจจัยเชิงบวกให้การส่งออกไทยไปตลาดดังกล่าวปรับตัวดีขึ้นได้ต่อเนื่อง
มองไปในระยะข้างหน้า ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า ภาพการชะลอตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าสำคัญของไทย นำโดยเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่มีความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นและมีความเสี่ยงอาจเผชิญกับภาวะถดถอยในบางไตรมาสของปีนี้ จะยังกดดันการส่งออกไทยอย่างต่อเนื่อง รวมถึงปัจจัยเสี่ยงเชิงลบอื่นๆ อาทิ ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงอยู่ ความผันผวนของค่าเงินในระยะข้างหน้า สภาพอากาศที่อาจไม่อำนวยต่อผลผลิตสินค้าเกษตร อย่างไรก็ดี ยังมีสัญญาณเชิงบวกของการส่งออกไปยังตลาดจีนที่กลับมาขยายตัวได้ในเดือนนี้ ประกอบกับปัจจัยฐานที่ลดลงโดยเฉพาะในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 ที่อาจเห็นการกลับมาขยายตัวของการส่งออกได้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมีมุมมองภาพรวมการส่งออกไทยในปี 2566 ยังคงติดลบที่ -1.2%
ปัจจัยที่เข้ามาหนุนภาคการส่งออกไทยท่ามกลางบรรยากาศการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกที่กดดันภาคการส่งออกของไทยอยู่ คือ ความตกลงทางการค้าเสรี (FTA) ซึ่งขณะนี้ไทยมีอยู่ทั้งสิ้น 14 ฉบับกับ 18 ประเทศ ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อการส่งออกของไทยในช่วงที่ผ่านมา โดยในไตรมาสที่ 1/2566 สัดส่วนการใช้สิทธิ FTA อยู่ที่ 73.3% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมดของไทย เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า 3.7%
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยจึงมองว่า ทิศทางการค้าระหว่างประเทศของไทยจะเป็นอีกโจทย์สำคัญในการดำเนินนโยบายของ รัฐบาลชุดใหม่ โดยเฉพาะภาคการส่งออกของไทยที่มีแนวโน้มยังจะถูกกดดันจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าสำคัญ ซึ่งเป็นความท้าทายของรัฐบาลในอนาคตที่อาจจะเข้ามาสานต่อความสัมพันธ์ทางการค้าที่มีอยู่ในขณะนี้ โดยเร่งเจรจาจัดทำความตกลงเสรีทางการค้าที่มีอยู่ให้แล้วเสร็จ เช่น ตุรกี แคนาดา สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เป็นต้น และศึกษา เจรจา จัดทำความตกลงกับตลาดใหม่ๆ เพิ่มเติม อาทิ สหภาพยุโรป (สัดส่วนการส่งออก 8%) และกลุ่มประเทศสมาชิกคณะมนตรีความร่วมมือรัฐอาหรับ หรือ GCC (สัดส่วนการส่งออก 3%)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี