นายชาติชาย พานิชชีวะ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) พร้อมด้วยนายนาวา จันทนสุรคน กรรมบริหาร ส.อ.ท. ร่วมคณะเดินทางเยือนซาอุดีอาระเบียกับนายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศ พร้อมด้วยคณะภาครัฐและภาคเอกชน
โดยซาอุฯต้องการดึงนักลงทุนจากทั่วโลกและนักลงทุนจากไทยไปร่วมโครงการ Saudi Vision 2030 โดยตั้งเป้าหมายจะนำพาซาอุฯไปสู่อนาคตใหม่ทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม กับนโยบายในการสร้างเมืองใหม่ที่มีชื่อว่า “นีอุม” NEOM (Saudi Arabia Smart City) อีกทั้งซาอุฯ ยังเป็นประเทศที่มีศักยภาพหลายด้านทั้งการเป็นศูนย์กลางและเป็นผู้นำของกลุ่มคาบสมุทรอ่าวอาหรับ (GCC) ขนาดเศรษฐกิจใหญ่กว่าไทย มีประชากร 35 ล้านคน คาดว่าจะเพิ่มเป็น 50 ล้านคนในปี 2030 (พ.ศ. 2573) และยังสามารถเชื่อมโยงตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ
นายชาติชายเปิดเผยว่า การเดินทางไปซาอุฯครั้งนี้ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างมากในการผลักดันการค้า การลงทุนร่วมกันระหว่างไทยและซาอุฯพร้อมขยายความร่วมมือและการลงทุนในด้านต่างๆ อาทิ
• อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ จากมูลค่าการส่งออกของกระทรวงพาณิชย์ พบว่าสินค้ารถยนต์ อุปกรณ์และชิ้นส่วนประกอบรถยนต์เป็นหนึ่งในสินค้าส่งออก 15 อันดับแรกของไทยที่ส่งออกไปซาอุฯซึ่งมีมูลค่ากว่า 214.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และจากการที่ซาอุฯได้ยกเลิกกฎหมายและอนุญาตให้ผู้หญิงชาวซาอุฯขับรถยนต์ได้ สนับสนุนให้ความต้องการใช้รถยนต์เติบโตจึงเป็นโอกาสของอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ของไทยขยายตลาดในซาอุฯ มากขึ้น โดยเฉพาะสาขาชิ้นส่วนยานยนต์ซึ่งไทยมีความเชี่ยวชาญ และจะช่วยผลักดันให้ซาอุฯเป็นส่วนหนึ่งในห่วงโซ่อุปทานของการผลิตในระดับโลก
• อุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้างบริษัท เอสซีจี อินเตอร์เนชั่นแนล คอร์ปอเรชั่น มีนโยบายขยายการลงทุนโดยมุ่งขยายธุรกิจและพัฒนาระบบนิเวศด้านการก่อสร้าง ไปสู่การขยายห่วงโซ่อุปทาน ในด้านอื่นๆ ทั้งธุรกิจปูนซีเมนต์ ผลิตภัณฑ์วัสดุก่อสร้าง ธุรกิจบรรจุภัณฑ์และ PVC เป็นต้น เพื่อต้องการสร้างเครือข่ายระหว่างประเทศ จึงมีแผนการจัดตั้งสำนักงาน ณ กรุงริยาด ภายในเดือนกันยายนปี 2566 นอกจากนี้สินค้าอื่นๆ ที่ยังมีโอกาสเติบโต เช่น เหล็ก ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ ได้รับประโยชน์จากการลงทุน Mega Project ของซาอุฯ ในการสร้างเมืองและขยายเมืองเพื่อให้สอดรับกับแผน Saudi Vision 2030
• อุตสาหกรรมปุ๋ยและเคมีภัณฑ์ ทั้งนี้ ซาอุฯเป็นหนึ่งในผู้ส่งออกปุ๋ยเคมีอันดับที่ 6 ของโลก จากการเข้าพบหน่วยงาน Saudi Basic Industries Corporation (SABIC) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตปุ๋ยรายใหญ่รายหนึ่งของโลกและเป็นรายใหญ่ของซาอุฯแสดงความสนใจที่จะร่วมมือและขยายลงทุนกับไทยและในช่วงการเกิดสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ผ่านมาไทยได้นำเข้าปุ๋ยและเคมีภัณฑ์จากซาอุฯและทางบริษัทมีส่วนแบ่งตลาดของธุรกิจปุ๋ยในไทยมากถึง 45% ซึ่งไทยมีแนวโน้มนำเข้าสินค้าปุ๋ยและเคมีภัณฑ์จากซาอุฯ มากขึ้น
• โครงการปลูกต้นไม้ 50,000 ล้านต้น ในกลุ่มประเทศอาหรับ ตามเป้าหมายของ Vision 2030 ของซาอุฯมีแผนที่จะนำเข้าต้นไม้จากทั่วโลกเพื่อให้บรรลุตามนโยบายซาอุฯสีเขียว โดยการปลูกต้นไม้ 10,000 ล้านต้น และร่วมสนับสนุนผลักดันโครงการปลูกต้นไม้ 50,000 ล้านต้น ทั่วภูมิภาคตะวันออกกลาง ปัจจุบันไทยส่งต้นไม้ไปยังซาอุฯ แล้วกว่า 200,000 ต้น และยังมีโอกาสให้ไทยส่งออกต้นไม้ไปยังซาอุฯ ได้อีกมาก
นอกจากนี้ คณะฯ ยังได้เดินทางเข้าเยี่ยมชมศูนย์วิทยากรและเทคโนโลยีของซาอุฯ (KACST) ซึ่งมีการแสดงนวัตกรรมของสินค้าอุตสาหกรรม โดยซาอุฯ ยินดีที่จะให้ใช้ศูนย์บ่มเพาะผู้ประกอบการของซาอุฯ หากสตาร์ทอัพทั้งสองประเทศตกลงที่จะร่วมกันเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนการทำงานร่วมกัน และหากเกิดการร่วมทุนกัน หน่วยงานดังกล่าวพร้อมให้การสนับสนุนธุรกิจเงินร่วมลงทุนให้อีกด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี