นายวิชาญ วิริยะภูษิต ประธานผู้บริหารสายการเงินบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีแรก 2566 นับเป็นปีที่ท้าทายสำหรับแสนสิริอย่างมาก จากสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศที่ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ ประกอบกับภาวะดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายภาคครัวเรือนที่สูงขึ้น ทำให้ผู้บริโภคบางส่วนชะลอการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย
อย่างไรก็ดี แสนสิริมองล่วงหน้าถึงสถานการณ์ และมีความพร้อมรองรับความผันผวนของภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ไว้แล้ว จึงวางกลยุทธ์ต่างๆ ตามความเหมาะสม ส่งผลให้สามารถสร้างผลงานเป็นที่น่าพอใจ โดยครึ่งปีแรก 2566 สร้างยอดขายได้ถึง 25,000 ล้านบาท เติบโตถึง 37% จากช่วงเดียวกันของปี 2565 ที่มียอดขาย 18,300 ล้านบาท
ทั้งนี้โครงการเปิดตัวใหม่ทำยอดขายดีเกินคาดทุกโครงการ นำโดยโครงการบ้านเดี่ยวระดับลักซ์ชัวรี “นาราสิริ พหล-วัชรพล” และ “บูก้าน กรุงเทพกรีฑา” ที่สร้างยอดขายได้ดีมาก ต่อยอดความสำเร็จจากการส่งมอบบ้านเดี่ยวในระดับซุปเปอร์ลักซ์ชัวรี “นาราสิริ กรุงเทพกรีฑา” และ “บูก้าน โยธินพัฒนา” ซึ่ง Sold out อย่างรวดเร็วในช่วงก่อนหน้า
นอกจากนี้จากความต้องการบ้านในระดับลักซ์ชัวรีที่ยังมีดีมานต์อยู่มาก ประกอบกับกลุ่มลูกค้ามีกำลังซื้อต่อเนื่อง ทำให้ทั้ง 2 โครงการได้ผลตอบรับที่ดี รวมถึงโครงการ “เศรษฐสิริ ดอนเมือง” ก็ได้รับผลตอบรับที่ดีเกินคาดเช่นกัน
ทั้งนี้ล่าสุดแสนสิริได้เปิดตัวแคมปัส คอนโดใกล้มหาวิทยาลัยกรุงเทพ คือโครงการ “ดีคอนโดไฮป์ รังสิต” เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็มียอดจองแล้วถึง 80% แสดงให้เห็นว่าช่วงครึ่งปีแรก2566 โครงการเปิดใหม่ได้รับผลตอบรับที่ดี รวมถึงโครงการแนวราบอีกหลายโครงการ เช่น “สราญสิริ ราชพฤกษ์ 345” และ “อณาสิริศรีนครินทร์-แพรกษา” เป็นต้น
ในขณะที่คอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ หรือ Ready to Move เริ่มกลับมาขายดี สะท้อนให้เห็นว่าตลาดคอนโดมิเนียมกำลังกลับมาหลังจากช่วงก่อนและหลังโควิด-19 มีการดูดซับช้าลงนับเป็นสัญญาณที่ดีเป็นอย่างมาก เนื่องจากคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่เป็นตัวชี้วัดที่ดีในตลาด Real Demand เพราะกลุ่มลูกค้าซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองหรือปล่อยเช่า ไม่ได้ซื้อเพื่อเก็งกำไร หรือมีดีมานด์เทียมในยอดขายคอนโดมิเนียมกลุ่มดังกล่าว
โดยช่วงครึ่งปีแรก 2566 ยูนิตสร้างเสร็จพร้อมขาย (Stock) คอนโดมิเนียมของแสรสิริลดลงเหลือเพียง 8,100 ล้านบาท จาก Stock ต้นปีที่ 11,000 ล้านบาท นับว่า แสนสิริมี Absorption ที่ดีที่สุดในตลาดคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ ภายใต้แบรนด์ “The Base”, “The Line”, “The Muve”, “XT”, “dcondo” และ “CondoMe” เป็นต้น โดยในไตรมาส 3 ปี 2566 แสนสิริเตรียมปิดการขายอีก 12 โครงการ สำหรับคอนโดมิเนียมในกลุ่มแบรนด์เหล่านี้
นอกจากนี้แสนสิริยังสร้างวินัยทางการเงินอย่างต่อเนื่อง ซึ่งธุรกิจอสังหาริมทรัพย์กระแสเงินสดเป็นเรื่องสำคัญ การมี Stock ลดลงเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้แสนสิริสามารถชำระคืนเงินกู้ธนาคารจากโครงการคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ได้ 100% การมีวินัยทางการเงินนับเป็นปรัชญาสำคัญของแสนสิริในการดำเนินธุรกิจมาตลอดเกือบ 40 ปี ทำให้อยู่ในกลุ่มลูกหนี้ที่ดีและมีคุณภาพเป็นที่วางใจของธนาคารและนักลงทุน ทั้งนี้การคืนหนี้ได้เร็วกว่ากำหนดเท่ากับสามารถลดค่าใช้จ่ายด้านการเงินไปในตัว โดยปัจจุบันแสนสิริมีสภาพคล่องอยู่กว่า 17,000 ล้านบาท ถือเป็นหนึ่งในบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่มีความแข็งแกร่งด้านการเงินมากที่สุด
สำหรับแผนธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลัง 2566 แสนสิริจะรุกบ้านเดี่ยวแบรนด์ “เศรษฐสิริ” อย่างต่อเนื่อง จากกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง และการตอบรับที่ดีของตลาดบ้านระดับลักซ์ชัวรีและซุปเปอร์ลักซ์ชัวรี แสนสิริจึงเดินหน้าเปิดตัวโครงการบ้านเดี่ยว “เศรษฐสิริ” เพิ่มอีก 10 โครงการ มูลค่ารวม 21,900 ล้านบาท ครอบคลุมทุกทำเล ทั้งรามอินทรา สายไหม เสรีไทย บางนา ราชพฤกษ์ พรานนก และพุทธมณฑล สาย 1 เป็นต้น ซึ่งแสนสิริมั่นใจจะส่งผลให้มีโอกาสทำยอดขายได้เกินเป้า 55,000 บาทตามแผนที่วางไว้ในช่วงต้นปี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี