นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยที่ยังอยู่ระหว่างขายในช่วงครึ่งแรกปี 2566 ภาคตะวันตก 2 จังหวัด ประกอบด้วยประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี และภาคกลาง 2 จังหวัด ประกอบด้วย พระนครศรีอยุธยา สระบุรี
โดยพบว่าภาพรวมภาคตะวันตก 2 จังหวัดช่วงครึ่งแรกปี 2566 มีจำนวนหน่วยเหลือขายลดลง 20.9% มีผลให้อัตราดูดซับของภาพรวมตลาดอยู่ที่ 1.7% REIC คาดการณ์ปี 2566 จะมีที่อยู่อาศัยเข้ามาในตลาด 485 หน่วย มูลค่า 2,709 ล้านบาท มีจำนวนหน่วยขายได้ใหม่ 1,091 หน่วย มูลค่า 5,549 ล้านบาท มีหน่วยเหลือขาย
4,755 หน่วย มูลค่า 23,370 ล้านบาท ลดลง 12.5% โดยเป็นการลดลงจากการขายได้ใหม่จากความต้องการซื้อในพื้นที่ และการชะลอเปิดโครงการใหม่ ทำให้ตลาดแนบราบไม่น่าเป็นห่วง ที่น่ากังวลคืออาคารชุดสร้างเสร็จเหลือขายในพื้นที่ชะอำตอนเหนือ ซึ่งเหลือขายสูงกว่า 60% ของโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ จึงจำเป็นต้องเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ
ในขณะที่ภาคกลาง 2 จังหวัด มีจำนวนหน่วยเหลือขายในช่วงครึ่งแรกปี 2566 ลดลง 11.7% และมีผลให้อัตราดูดซับของภาพรวมตลาดอยู่ที่ 2.4% REIC คาดการณ์ ปี 2566 จะมีที่อยู่อาศัยเข้ามาในตลาด 801 หน่วย มูลค่า 2,115 ล้านบาท มีจำนวนหน่วยขายได้ใหม่ 2,580 หน่วย มูลค่า 7,845 ล้านบาท มีหน่วยเหลือขาย 7,254 หน่วย มูลค่า 22,810 ล้านบาท ลดลง 18.3% เป็นการลดลงจากยอดขายได้ใหม่ที่เพิ่มสูงขึ้นในกลุ่มที่อยู่อาศัยแนวราบ โดยเฉพาะในพื้นที่สระบุรียอดขายเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน แต่โครงการอาคารชุดยังคงมีพื้นที่เหลือขายมากพอสมควรโดยเฉพาะในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม
ทั้งนี้โครงการที่อยู่อาศัยภาคตะวันตก 2 จังหวัดในช่วงครึ่งแรกปี 2566 มีจำนวนหน่วยพร้อมขายประมาณ 5,684 หน่วย มูลค่า 28,116 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการอาคารชุด 2,897 หน่วย มูลค่า 13,587 ล้านบาท โครงการบ้านจัดสรร 2,787 หน่วย มูลค่า 14,529 ล้านบาท มีโครงการใหม่เข้าสู่ตลาด 323 หน่วย มูลค่า 1,806 ล้านบาท และมีโครงการขายได้ใหม่ 576 หน่วย มูลค่า 2,932 ล้านบาท ส่งผลให้มีหน่วยเหลือขาย 5,108 หน่วย มูลค่า 25,184 ล้านบาท
“เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์ เป็นจังหวัดที่มีขนาดตลาดเป็นลำดับ 1 และ 2 ในทุกด้าน เห็นได้จากจำนวนและสัดส่วนที่อยู่อาศัยทุกประเภทที่มีการเสนอขาย โดยเพชรบุรีมีการเสนอขายถึง 3,047 หน่วย มูลค่า 12,594 ล้านบาท และประจวบคีรีขันธ์ มีการเสนอขาย 2,637 หน่วย มูลค่า 15,522 ล้านบาท แต่ประจวบคีรีขันธ์กลับมีการเปิดตัวโครงการใหม่มากที่สุด โดยมีการเปิดตัวบ้านจัดสรร 164 หน่วย มูลค่า 1,369 ล้านบาทนอกจากนี้ประจวบคีรีขันธ์มีจำนวนหน่วยขายได้ใหม่สูงสุด 321 หน่วย มูลค่า 1,865 ล้านบาท โดยมีอัตราการดูดซับโดยรวมของตลาด 2.0% ต่อเดือนขณะที่เพชรบุรีมีจำนวนหน่วยขายได้ใหม่255 หน่วย มูลค่า 1,067 ล้านบาท มีอัตราการดูดซับโดยรวมของตลาด 1.4% ต่อเดือน ทั้งนี้ เพชรบุรีและประจวบคีรีขันธ์ มีอัตราดูดซับบ้านจัดสรรเท่ากันที่ 1.8% และประจวบคีรีขันธ์ มีอัตราดูดซับอาคารชุดสูงสุด 2.4%” นายวิชัย กล่าว
สำหรับภาคกลาง 2 จังหวัด โครงการที่อยู่อาศัยช่วงครึ่งแรกปี 2566 พบว่า มีจำนวนหน่วยพร้อมขายจำนวนประมาณ 9,567 หน่วย มูลค่า 29,889 ล้านบาท แบ่งเป็น โครงการอาคารชุด 448 หน่วย มูลค่า 899 ล้านบาท โครงการบ้านจัดสรร 9,119 หน่วย มูลค่า 28,990 ล้านบาท มีโครงการใหม่เข้าสู่ตลาด 534 หน่วย มูลค่า 1,410 ล้านบาท มีโครงการขายได้ใหม่ 1,403 หน่วย มูลค่า 4,248 ล้านบาท ส่งผลให้มีหน่วยเหลือขาย 8,164 หน่วย มูลค่า 25,640 ล้านบาท
“พระนครศรีอยุธยา มีจำนวนและสัดส่วนที่อยู่อาศัยทุกประเภทที่มีการเสนอขาย 7,458 หน่วย มูลค่า 24,001 ล้านบาท และสระบุรี มีจำนวนและมูลค่าอยู่ที่ 2,109 หน่วย มูลค่า 5,887 ล้านบาท ซึ่ง พระนครศรีอยุธยา เป็นเพียงจังหวัดเดียวที่มีการเปิดตัวโครงการใหม่ โดยมีการเปิดตัวทั้งบ้านจัดสรรและอาคารชุดรวม 534 หน่วย มูลค่า 1,410 ล้านบาท แบ่งเป็น บ้านจัดสรร 455 หน่วย มูลค่า 1,274 ล้านบาท และอาคารชุด 79 หน่วย มูลค่า 136 ล้านบาท ขณะที่ในด้านภาวะตลาดด้านการขายนั้น พระนครศรีอยุธยา มีจำนวนหน่วยขายได้ใหม่สูงสุด 1,216 หน่วย มูลค่า 3,803 ล้านบาท โดยมีอัตราการดูดซับ 2.7% ต่อเดือน สระบุรีมีจำนวนหน่วยขายได้ใหม่ 187 หน่วยมูลค่า 446 ล้านบาท มีอัตราการดูดซับ 1.5% ต่อเดือน ทั้งนี้ พระนครศรีอยุธยา มีอัตราดูดซับทั้งอาคารชุดและบ้านจัดสรรสูงสุด 7.8% และ 2.4% ตามลำดับ” นายวิชัย กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี