nn เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาการยาสูบแห่งประเทศไทย ประกาศปรับขึ้นราคาขายปลีกแนะนำของบุหรี่หลายตราอย่างเป็นทางการ พร้อมๆ กับประกาศตัวเลขบุหรี่เถื่อนล่าสุดไตรมาสที่ 2 ปี 2566 ที่ทำเอาระดับบิ๊กหลายคนว้าวุ่นเพราะเป็นสถิติสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยสัดส่วนการบริโภคบุหรี่เถื่อนทะลุร้อยละ 22 ของการบริโภคบุหรี่ในประเทศแล้ว มากกว่าตัวเลขที่เพิ่มสูงขึ้นคือผลการสำรวจที่ระบุว่าบุหรี่เถื่อนไม่ได้ระบาดในวงจำกัดแค่พื้นที่ภาคใต้ โดยเฉพาะในจังหวัดสตูล พัทลุง และสงขลา แบบเดิม แต่กระจายสู่หัวเมืองใหญ่ที่เป็นพื้นที่เศรษฐกิจอย่าง นนทบุรี กรุงเทพมหานคร และสมุทรปราการ ซึ่งในจังหวัดเหล่านี้มีอัตราการเติบโตของบุหรี่เถื่อนเพิ่มมากขึ้นกว่าเท่าตัว
ฝั่งผู้สูบบุหรี่เดือดร้อนเพราะราคาบุหรี่แพงแซงค่าข้าวไปแล้ว รัฐวิสาหกิจอย่างการยาสูบฯ เองก็คงนั่งไม่ติดเพราะต้องแบกรับภาระภาษีไว้อย่างต่อเนื่อง และจะทำกำไรได้อย่างไรเพราะจากที่เคยขายซองละ 40 บาท ในปี 2560 แต่ปัจจุบันกลับต้องปรับราคาบุหรี่กลุ่มราคาประหยัดมาขายที่ 67-70 บาท จากผลของการปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตยาสูบและภาษีอื่นๆ แบบสุดโต่งถึง 2 ครั้ง ในปี 2560 และปี 2564 ทั้งๆ ที่กำลังซื้ออ่อนแอจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคโควิด หมดหนทางที่จะแข่งขันกับบุหรี่เถื่อนที่ขายกันเกลื่อนเพียงซองละ 20-30 บาท เท่านั้นบุหรี่เถื่อนนอกจากจะสร้างความเสียหายแก่รัฐวิสาหกิจเก่าแก่อย่างการยาสูบฯผลกำไรเข้าขั้นวิกฤตวูบจากหลักหลายพันล้านเหลือแค่ร้อยล้านบาทในปีล่าสุดแล้ว ยังทำให้รัฐสูญเสียรายได้จากการจัดเก็บภาษีกว่า 2 หมื่นล้านบาทต่อปี โดยเป็นการสูญเสียรายได้สรรพสามิตปีละกว่า 1.5 หมื่นล้านบาทต่อปี จำนวนเงินถือว่าไม่น้อย น่าจะเอามาพัฒนาระบบเศรษฐกิจและลดความเหลื่อมล้ำของประเทศตามนโยบายรัฐบาลใหม่ได้มากอยู่
เห็นทีกระทรวงการคลังภายใต้หัวเรือใหม่อย่างนายกฯเศรษฐา ทวีสิน และนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รัฐมนตรีช่วยคลัง ที่จะมากำกับดูแลกรมสรรพสามิตและการยาสูบฯ คงต้องมองปัญหาให้รอบด้าน เพราะภาคใต้ไม่ได้มีแค่ภูเก็ต พังงา กระบี่ และทะเลอันดามัน ยังมีอีกหลายจังหวัดที่ได้รับความเดือดร้อนจากการคอร์รัปชั่น กลายเป็นศูนย์กลางของเถื่อน ไม่ว่าจะเป็นเหล้าเถื่อน น้ำมันเถื่อน หรือบุหรี่เถื่อน ที่ต้องการการปราบปรามอย่างจริงจังก่อนจะสร้างความเดือดร้อนไปทั่วประเทศแบบบุหรี่เถื่อนในปัจจุบัน
นอกจากการปราบปรามบุหรี่เถื่อนอย่างจริงจังมากขึ้นแล้ว หนึ่งในนโยบายที่สำคัญที่สามารถช่วยแก้ไขปัญหาบุหรี่เถื่อนได้คือเรื่องนโยบายภาษียาสูบ เรื่องนี้ค้างคามาตั้งแต่ปี 2564 ที่มีการปรับโครงสร้างภาษียาสูบครั้งใหญ่ แต่ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นก็ยังมีแต่ด้านลบ ของเถื่อนเพิ่มขึ้นรายได้ภาษีลดลงเรื่อยๆ และการยาสูบฯ มีแต่ทรุดลง คงต้องฝากความหวังไว้ที่ ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพสามิต เร่งทบทวนนโยบายการปรับขึ้นภาษียาสูบแบบสุดโต่ง หาอัตราภาษีที่เหมาะสมไม่ให้สูงเกินไปจนทำให้การลักลอบบุหรี่หนีภาษีจากประเทศเพื่อนบ้านเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ รวมทั้งทบทวนการใช้โครงสร้างบุหรี่ 2 อัตราเป็นอัตราเดียวอย่างที่ประกาศไว้โดยเร็วหากยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องดังกล่าว กรมสรรพสามิตและการยาสูบฯ คงต้องตกที่นั่งลำบาก ภาษียาสูบที่เคยติดท็อป 5นับวันคงมีแต่น้อยลงเรื่อยๆ...ที่สำคัญคือต้องลองตรวจสอบในแต่ละพื้นที่ด้วยว่าเหตุไฉนจึงปล่อยให้มีร้านค้าบุหรี่เถื่อนขายกันได้แบบไม่กลัวกฎหมาย ชาวบ้านรู้กันทั้งจังหวัด แต่เจ้าหน้าที่กลับไม่พบการกระทำผิดเลย…nn
พงษ์พันธุ์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี