ll อุตสาหกรรมเหล็กทั่วโลกและของไทยกำลังเผชิญความทายใหม่นั้นคือ... Green supply chain...ซึ่งต้องเพิ่มภาระต้นทุนเพื่อยกระดับการผลิตเหล็กที่ลดการปล่อยมลภาวะ ตามเทรนด์ด้านสิ่งแวดล้อมที่ทั่วโลกกำลังให้ความสำคัญ ตัวอย่างเช่น ในยุโรปที่มีการร่วมมือกันระหว่างผู้ผลิตเหล็ก และผู้ผลิตสินค้าที่มีเหล็กเป็นส่วนประกอบในการพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตเหล็กที่ปราศจากการพึ่งพาพลังงานจากฟอสซิล (Fossil-free steel) ในกระบวนการผลิต เพื่อนำไปผลิตเป็นส่วนประกอบของสินค้าประเภทต่างๆ ของผู้ผลิตชั้นนำของโลก ทั้งยานพาหนะ เครื่องใช้ไฟฟ้า รวมถึงแนวโน้ม
การเพิ่มสัดส่วนการใช้เหล็กประเภทดังกล่าวในภาคการก่อสร้าง ที่คาดว่าจะมีเพิ่มมากขึ้นในระยะข้างหน้าจากเป้าหมายการเข้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon neutrality) ของแต่ละหน่วยธุรกิจ
สำหรับผู้ผลิตเหล็กของไทยที่แสดงให้เห็นถึงเจตนารมณ์ในเรื่องดังกล่าวเท่าที่ปรากฏอยู่ขณะนี้ก็คือกลุ่ม บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) หรือ เอสเอสไอ ซึ่งได้ประกาศนโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของกลุ่มบริษัทเอสเอสไอ โดยกำหนดเป้าหมาย กลยุทธ์ และแนวทางการดำเนินงาน มุ่งสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ของกลุ่มบริษัทฯ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของประเทศและข้อตกลงด้านสิ่งแวดล้อมว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พร้อมเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์เหล็ก นวัตกรรม เทคโนโลยี รวมถึงการใช้พลังงานสะอาด ตอกย้ำการดำเนินงานเพื่อความยั่งยืนของอุตสาหกรรมเหล็กในอนาคต
ในการนี้นายวิน วิริยประไพกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท สหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) หรือเอสเอสไอกล่าวว่า เอสเอสไอในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมเหล็กของประเทศได้ตระหนักถึงความสำคัญในการมีส่วนร่วมแก้ไขปัญหา การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน ซึ่งถือเป็นความท้าทายระดับโลกที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมทั้งในปัจจุบันและอนาคต กลุ่มบริษัทฯ จึงมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงการดูแลสภาพภูมิอากาศ เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของประเทศ และข้อตกลงด้านสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จึงได้มีการประกาศนโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของกลุ่มบริษัทเอสเอสไอ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้กลุ่มบริษัทเอสเอสไอเกิดการปฏิบัติที่มีประสิทธิภาพในการบริหารจัดการด้านการเปลี่ยนแปลง สภาพภูมิอากาศ ดังนี้1.กำหนดเป้าหมาย กลยุทธ์และแนวทางการดำเนินงาน เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (CarbonNeutrality) และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ของกลุ่มบริษัทให้สอดคล้องกับนโยบายของประเทศ และข้อตกลงด้านสิ่งแวดล้อมว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ 2.จัดทำรายงานข้อมูลการปล่อยและดูดกลับก๊าซเรือนกระจกจากกิจกรรมต่างๆ ขององค์กร (Carbon Footprint for Organization) เพื่อขับเคลื่อนให้เกิดการบริหารจัดการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของกลุ่มบริษัท
3.ส่งเสริมการใช้พลังงาน การใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ตลอดจนส่งเสริมการวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม รวมทั้งติดตามนโยบาย ตลาดคาร์บอน และการสนับสนุนทางการเงิน เพื่อให้เกิดการลดก๊าซเรือนกระจกอย่างยั่งยืน สอดคล้องกับการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ4. สร้างความตระหนักรู้และการมีส่วนร่วมในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการดำเนินงาน ให้แก่พนักงาน ลูกค้า คู่ธุรกิจ และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ที่เกี่ยวข้องทั้งภายใน และภายนอกองค์กร
นอกจากนี้ เอสเอสไอได้มีการดำเนินงานเพื่อตอกย้ำเจตนารมณ์ และความมุ่งมั่นด้านลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างจริงจัง 1.ด้านผลิตภัณฑ์ เอสเอสไอ
ได้กำหนดเป้าหมายภายในปี 2025 ที่จะยกระดับ 11 ผลิตภัณฑ์เหล็ก ซึ่งปัจจุบันได้มาตรฐานฉลากสิ่งแวดล้อมประเภท 2 ตาม ISO14021 เป็นฉลาก ECO PLUS ที่รับรอง
โดยกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อมและสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และมีเป้าหมายที่จะพัฒนา 9 ผลิตภัณฑ์เหล็กให้ได้EPD (Environmental Product Declaration) 2.ด้านเศรษฐกิจหมุนเวียน เอสเอสไอใช้ทรัพยากรทุกชนิดอย่างมีประสิทธิภาพ ทรัพยากรน้ำและของเสียจากกระบวนการผลิตถูกนำกลับมาใช้ประโยชน์ทั้งหมด 100% 3.ด้านพลังงานสะอาด เอสเอสไอกำลังศึกษาการใช้พลังงานหมุนเวียนเช่น พลังงานแสงอาทิตย์ เชื้อเพลิงชีวมวล และก๊าซชีวภาพ โดยเน้นการใช้ศักยภาพของท้องถิ่นและส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชน โดยมีเป้าหมายนำเข้ามาทดแทนการใช้พลังงานจากฟอสซิลทั้งหมด 100% นอกจากนี้ ได้มีการศึกษาเทคโนโลยีการผลิตพลังงานสะอาด ได้แก่ Green hydrogen ที่ไม่มีการปล่อยก๊าซ CO2 สู่ชั้นบรรยากาศ รวมทั้งมีบทบาทผลักดันการพัฒนาพลังงานไฮโดรเจนทั้งห่วงโซ่คุณค่า
“การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นหนึ่งในความท้าทายระดับโลกที่ส่งผลกระทบในทุกๆ ด้าน ครอบคลุมทั้งเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และผู้คนการนำนโยบายมาสู่การดำเนินงานอย่างเป็นรูปธรรมเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกคนควรตระหนัก และเข้ามามีส่วนร่วมเพื่อแก้ไขหรือลดผลกระทบตลอดห่วงโซ่คุณค่า พร้อมร่วมผลักดันการดำเนินงานไปสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ เพื่อความยั่งยืนของอุตสาหกรรมต่อไปในอนาคต” นายวิน กล่าว
อนันตเดช พงษ์พันธุ์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี